วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 30 ต.ค. 2567

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ตลาดทองคำสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการทะยานแตะระดับสูงสุดตลอดกาล (All-time High) อย่างต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ โดยขณะที่เขียนบทความนี้ ราคาทองคำได้แตะระดับ $2,779 ท่ามกลางสภาวะตลาดที่เอื้อต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและการปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Federal Reserve ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน

ตลาดแรงงานสหรัฐส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน หนุนการเก็งกำไรในตลาดทองคำ

เมื่อวันที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลข Job Openings and Labor Turnover Survey (JOLTS) ประจำเดือนกันยายน พบว่าตำแหน่งงานว่างลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสามปีครึ่งที่ 7.44 ล้านตำแหน่ง ลดลงจากตัวเลขเดือนสิงหาคมที่มีการปรับลดลงเหลือ 7.86 ล้านตำแหน่ง และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.98 ล้านตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ

รายงานระบุว่าตัวเลขการจ้างงานใหม่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักที่ 5.6 ล้านตำแหน่ง ขณะที่ยอดรวมการลาออกอยู่ที่ 5.2 ล้านตำแหน่ง แบ่งเป็นการลาออกโดยสมัครใจ 3.1 ล้านตำแหน่ง และการเลิกจ้าง 1.8 ล้านตำแหน่ง ที่น่าสนใจคือในรอบปีที่ผ่านมา ตำแหน่งงานว่างลดลงถึง 1.9 ล้านตำแหน่ง นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานที่อาจสนับสนุนการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Federal Reserve ในอนาคตอันใกล้

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐทะยานเหนือคาด สะท้อนมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจ

ส่วนทางด้าน Conference Board เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคมที่พุ่งขึ้นแตะ 108.7 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับ 99.2 ในเดือนกันยายน และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 98.8 Dana Peterson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Conference Board ระบุว่าเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021

องค์ประกอบสำคัญทุกด้านของดัชนีปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีสถานการณ์ปัจจุบัน (Present Situation Index) ซึ่งสะท้อนการประเมินสภาวะธุรกิจและตลาดแรงงานในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 14.2 จุด แตะที่ 138.0 แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ดีขึ้นต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ (Expectations Index) ที่สะท้อนมุมมองระยะสั้นต่อรายได้ ธุรกิจ และสภาวะตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 6.3 จุด แตะที่ 89.1 สูงกว่าระดับ 80 ที่มักบ่งชี้ถึงภาวะถดถอยที่กำลังจะมาถึง

Peterson ยังเน้นย้ำว่าการเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นเป็นไปอย่างกว้างขวางในทุกกลุ่มอายุและรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคอายุ 35-54 ปี และเมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 6 เดือน พบว่ากลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี และผู้ที่มีรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อปี ยังคงมีความเชื่อมั่นสูงที่สุด

การเลือกตั้งสหรัฐกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน กำลังสร้างความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน กระตุ้นความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เว็บไซต์สำรวจความคิดเห็น FiveThirtyEight รายงานว่า Trump มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง 52% เทียบกับ Kamala Harris ที่ 48% แม้ว่าผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตยังคงนำอยู่เล็กน้อยในการสำรวจความคิดเห็นระดับชาติส่วนใหญ่

Ole Hansen หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Saxo Bank วิเคราะห์ว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยนักลงทุนกำลังใช้โลหะมีค่าเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่พรรครีพับลิกันอาจควบคุมทั้งทำเนียบขาวและรัฐสภา (Red Sweep) ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้จ่ายภาครัฐที่มากเกินไป เพิ่มอัตราส่วนหนี้ต่อ GDP และกระตุ้นความกังวลด้านเงินเฟ้อผ่านการเก็บภาษีนำเข้า รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์

อย่างไรก็ตาม Hansen เตือนว่าด้วยสถานะการลงทุนในปัจจุบัน อาจมีความเสี่ยงด้านลบเพิ่มขึ้น โดยหากผลการเลือกตั้งในสัปดาห์หน้าไม่เป็นไปตามที่คาด ราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว $100-150 ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่าการที่พรรคเดโมแครตอาจกวาดชัยชนะในสัปดาห์หน้าก็อาจนำไปสู่การเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐและผลักดันระดับหนี้ให้สูงขึ้นเช่นกัน

ปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำและแนวโน้มในระยะข้างหน้า

ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ในตะวันออกกลางและการยกระดับสงครามในยูเครนหลังมีรายงานว่าเกาหลีเหนือส่งกำลังทหารไปยังรัสเซีย นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาปฏิทินเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงข้อมูลการจ้างงานหลายรายการ เช่น ADP Employment Change, Initial Jobless Claims และ Nonfarm Payrolls รวมถึงตัวเลข Gross Domestic Product (GDP) ไตรมาสที่สามของปี 2024 ดัชนี ISM Manufacturing PMI และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditures: PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ

Krishan Gopaul นักวิเคราะห์อาวุโสจาก World Gold Council รายงานผ่านโซเชียลมีเดียว่าตลาด ETF ทองคำมีเงินไหลเข้าประมาณ 15 ตัน มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยความต้องการ ETF ในปีนี้กลับมาเป็นบวก เพิ่มขึ้นประมาณ 8 ตัน นำโดยการไหลเข้าจากเอเชีย โดยเฉพาะกองทุนจากจีน ตามด้วยอเมริกาเหนือ สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนสถาบันในการถือครองทองคำผ่านกองทุน ETF

ด้านมุมมองตลาด Fawad Razaqzada นักวิเคราะห์ตลาดจาก Forex เตือนว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นและดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นอาจเป็นความเสี่ยงสำหรับทองคำในระยะสั้น เนื่องจากต้นทุนค่าเสียโอกาสของสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนอย่าง

ทองคำเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งสหรัฐอาจให้การสนับสนุนบางส่วน แต่หากปราศจากปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ที่มีนัยสำคัญ ผู้ซื้อทองคำอาจต้องชะลอตัวจนกว่าจะเกิดการปรับฐานที่ชัดเจน โดยเฉพาะหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

Ricardo Evangelista นักวิเคราะห์อาวุโสจาก ActivTrades มองว่าราคาน่าจะได้รับแรงสนับสนุนที่ระดับปัจจุบัน แต่การปรับตัวขึ้นอาจถูกจำกัดในระยะสั้น โดยนักลงทุนควรระมัดระวังก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเฉพาะดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ตัวเลข GDP และข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่มีความสำคัญ ปัจจัยเหล่านี้จะมีผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดและส่งผลต่อทิศทางของดอลลาร์และตลาดพันธบัตร ซึ่งมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับราคาทองคำ

นอกจากนี้ Ole Hansen จาก Saxo Bank  ยังมองว่าทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนสถาบันเพิ่งเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในกองทุน ETF ที่อ้างอิงกับทองคำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ายังมีเม็ดเงินอีกมากที่อาจไหลเข้าสู่ตลาดทองคำในอนาคต โดยเฉพาะหากเฟดเริ่มวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

ราคาทองคำสร้างสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ระดับ $2,780 ซึ่งสะท้อนถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งมาก การเคลื่อนไหวของราคาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง EMA 12, EMA 26 และ EMA 200 อย่างชัดเจน สะท้อนถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในทุกกรอบเวลา

จากการวิเคราะห์แท่งเทียนพบว่า ราคามีการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ที่ปิดใกล้จุดสูงสุด แสดงถึงแรงซื้อที่หนาแน่นและความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่ยังคงแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม สัญญาณเตือนที่น่ากังวลจากการเกิด Bearish Divergence ในกราฟ RSI โดยในขณะที่ราคาสร้างจุดสูงสุดใหม่ แต่ค่า RSI กลับสร้างจุดสูงที่ต่ำกว่าจุดสูงก่อนหน้า (Higher High ในราคา แต่เป็น Lower High ใน RSI) ประกอบกับค่า RSI อยู่ในเขต Overbought เหนือระดับ 70 จึงเป็นสัญญาณเตือนว่าราคาอาจมีการพักตัวในระยะสั้น

แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ $2,758 บริเวณเส้น EMA 12 ตามด้วย $2,739 และ $2,715 จากจุดต่ำสุดของการพักตัวครั้งก่อน สำหรับแนวต้าน เนื่องจากราคาอยู่ในระดับสูงสุดใหม่ตลอดกาล จึงต้องพิจารณาแนวต้านจิตวิทยาที่ $2,790 และ $2,800 เป็นเป้าหมายถัดไป

คาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า แม้จะมีสัญญาณ Bearish Divergence แต่ด้วยแรงซื้อที่แข็งแกร่งจนทำให้ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลได้ ราคาทองคำจึงมีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้านจิตวิทยาที่ $2,790 - $2,800  หากผ่านได้ก็มีโอกาสไปต่อ เพราะในภาวะที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล มักจะมีแรงซื้อเก็งกำไรและแรงซื้อตามเทรนด์เข้ามาหนุนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากเกิดแรงขายทำกำไรหนาแน่น ให้จับตาแนวรับแรกที่ $2,758 เป็นสำคัญ ถ้าหลุดอาจมีการพักตัวลงทดสอบที่ $2,739

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,758

• $2,739

• $2,715

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,780

• $2,790

• $2,800