วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 20 มี.ค. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 20 มีนาคม 2568 ราคาทองคำ XAU/USD พุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 3,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าของการซื้อขายตลาดเอเชีย หลัง Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) แถลงมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25%-4.50% ทองคำเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 3,035-3,050 ดอลลาร์ ก่อนที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 0.20% ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐคาดว่าจะชะลอตัวลงต่ำกว่าระดับ 2% เนื่องจากผลกระทบจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดี Donald Trump

Powell ยอมรับว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และบางส่วนของภาษีนำเข้าได้ส่งผลต่อเงินเฟ้อและผู้บริโภคแล้ว แต่เขายังคงมั่นใจว่านโยบายปัจจุบันของ Fed อยู่ในตำแหน่งที่ดีพอที่จะรับมือกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เผชิญอยู่ การเคลื่อนไหวของราคาทองได้รับแรงหนุนจากความกังวลทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ทำให้นักลงทุนแห่เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น

Fed คงดอกเบี้ย แต่ปรับลดการถือครองพันธบัตร คาดการณ์เศรษฐกิจแย่ลง

ธนาคารกลางสหรัฐปรับลดการลดขนาดงบดุล โดยเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน โดยจะลดเพดานการไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลจาก 25 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 5 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน แต่ยังคงเพดานการไถ่ถอนหนี้และหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันไว้ที่ 35 พันล้านดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความกังวลของ Fed ต่อสภาพคล่องในระบบการเงิน แม้จะยังไม่พร้อมลดดอกเบี้ยก็ตาม

Fed ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเหลือ 1.7% ในปีนี้ จากเดิม 2.1% และยังปรับลดการคาดการณ์สำหรับสองปีข้างหน้าด้วย โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 1.8% ต่อปี ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 2.0% และ 1.9% ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน คาดการณ์เงินเฟ้อกลับถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.8% จากเดิม 2.5% สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะเศรษฐกิจชะงักพร้อมเงินเฟ้อ (Stagflation)

ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีการปรับประมาณการอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.4% ในปีนี้ จากประมาณการเดิมที่ 4.3% แต่คาดว่าจะทรงตัวที่ 4.3% จนถึงปี 2027 ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการก่อนหน้านี้

Stephen Brown นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics กล่าวว่า แม้ Fed ยังคงคาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้ แต่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ Brown เชื่อว่า Fed ยังประเมินผลกระทบของภาษีนำเข้าต่อเงินเฟ้อต่ำเกินไป เขาเสริมว่านักเศรษฐศาสตร์บางคนเริ่มมองว่าการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจไม่เกิดขึ้นในปีนี้ หากแรงกดดันเงินเฟ้อยังคงอยู่

Powell เผชิญคำถามหนักเรื่องผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์

การแถลงข่าวของ Powell เต็มไปด้วยคำถามเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีนำเข้าในยุคทรัมป์ ทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะผลต่อเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน อัตราดอกเบี้ย และโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย คำถามแรกเป็นการถามตรงๆ ถึงระดับที่ภาษีนำเข้าของทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจไปแล้ว

Powell ยอมรับว่าเงินเฟ้อในสินค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในสองเดือนแรกของปี “การพยายามระบุว่าส่วนไหนเกิดจากภาษีนำเข้าเป็นเรื่องยากมาก แต่คำตอบที่ชัดเจนคือบางส่วน และน่าจะเป็นส่วนสำคัญที่มาจากภาษีนำเข้า” เขาเสริมว่า “เราจะต้องทำงาน และนักวิเคราะห์อื่นๆ ก็เช่นกัน เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการแยกเงินเฟ้อที่ไม่ได้มาจากภาษีออกจากเงินเฟ้อที่มาจากภาษี”

เมื่อถูกซักเรื่องความคาดหวังเงินเฟ้อระยะยาวและแนวทางอัตราดอกเบี้ยที่ดูเหมือนไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะมีภาษีนำเข้าที่กำลังจะมา Powell ยอมรับว่าในขณะนี้ธนาคารกลางมองว่าผลกระทบน่าจะเป็นชั่วคราวมากกว่าระยะยาว “ผมคิดว่านั่นคือกรณีพื้นฐาน แต่อย่างที่ผมพูด เราไม่สามารถรู้ได้จริงๆ เราจะต้องดูว่าสิ่งต่างๆ จะเป็นอย่างไรในความเป็นจริง”

เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย Powell กล่าวว่ามีนักวิเคราะห์หลายรายเพิ่มโอกาสที่จะเกิดภาวะถดถอยขึ้นบ้าง แต่ยังอยู่ในระดับปานกลาง ถ้าย้อนกลับไปสองเดือน ผู้คนกำลังพูดว่าโอกาสเกิดภาวะถดถอยต่ำมาก ซึ่งมันก็มีโอกาสสูงขึ้น แต่ก็ยังไม่สูง” เขาแสดงความเห็นว่าโดยทั่วไปโอกาสเกิดภาวะถดถอยอาจอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 4 เวลาใดก็ตามหากดูจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เพิ่มเป้าราคาทองเหนือ 3,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง

ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง UBS และ ANZ ต่างปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองให้สูงกว่าระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดว่าสถาบันการเงินเชื่อว่าการปรับตัวขึ้นของทองคำยังมีโอกาสไปได้ไกลกว่านี้ ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้าที่คุกรุ่น

UBS ปรับเป้าราคาทองเป็น 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิม 3,000 ดอลลาร์ โดยระบุว่าสินทรัพย์ปลอดภัยนี้ได้รับประโยชน์จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดทางการค้า รวมถึงความคาดหวังที่ฟื้นตัวขึ้นเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐเนื่องจากความกังวลเรื่องการเติบโต พวกเขายังชี้ให้เห็นว่ารัฐมนตรีคลังสหรัฐ Scott Bessent ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ โดยเรียกแรงกดดันทางเศรษฐกิจในปัจจุบันว่าเป็น “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” ทางเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธโอกาสที่จะเกิดภาวะถดถอย

UBS ยังสังเกตว่ากระแสเงินไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำได้เร่งตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเขาแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาการจัดสรรทองคำประมาณ 5% ในพอร์ตการลงทุนแบบสมดุลสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อการกระจายความเสี่ยงในระยะยาว

ขณะที่ธนาคาร ANZ ปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคาทองระยะสั้นภายใน 3 เดือนเป็น 3,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และคาดการณ์ระยะหกเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 3,200 ดอลลาร์ “เรายังคงมุมมองเชิงบวก ท่ามกลางแรงหนุนที่แข็งแกร่งจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้าที่ทวีความรุนแรง นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และการซื้อที่แข็งแกร่งจากธนาคารกลาง”

ราคาทองคำได้ทะลุแนวต้านที่ $3,037 (แนวเส้น 161.80% Fibonacci) ตามที่คาดการณ์ไว้ และปัจจุบันเคลื่อนตัวอยู่ที่บริเวณ $3,055 ซึ่งนับเป็นการสร้างระดับราคาสูงสุดใหม่ทางประวัติศาสตร์อีกครั้ง แสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง

แท่งเทียนล่าสุดแสดงการพยายามทดสอบระดับที่สูงขึ้น โดยหลังจากผ่านแนวต้าน $3,037 แล้ว ราคาได้เคลื่อนตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณ $3,055 โครงสร้างกราฟยังคงเป็นบวกอย่างชัดเจน โดยราคาเคลื่อนตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งหมด และเส้น EMA 12 และ EMA 26 ยังคงมีลักษณะการเรียงตัวในรูปแบบขาขึ้นที่สมบูรณ์ สังเกตได้ว่าแม้ราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ความห่างระหว่างราคากับเส้น EMA 12 ไม่ได้ขยายตัวมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นยังคงมีความแข็งแกร่งและยังไม่เกิดภาวะเร่งตัวที่ผิดปกติ

ดัชนี RSI ยังคงเคลื่อนไหวในเขต Overbought เหนือระดับ 70 และเริ่มแสดงสัญญาณ Bearish Divergence ที่ชัดเจนมากขึ้น และที่น่าสนใจคือ Stochastic RSI แสดงการฟื้นตัวขึ้นหลังจากมีการปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าแรงซื้อยังคงมีพลังและมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อได้

แนวต้านสำคัญถัดไปอยู่ที่ $3,136 (แนวเส้น 261.80% Fibonacci) ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะกลางที่มีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โอกาสที่จะเกิดการพักฐานระยะสั้นก่อนที่จะไปถึงเป้าหมายดังกล่าวมีความเป็นไปได้สูง โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ $3,037 ซึ่งเปลี่ยนสถานะจากแนวต้านเป็นแนวรับหลังจากที่ราคาทะลุผ่านขึ้นไปแล้ว ตามด้วย $3,019 และ $3,004 ตามลำดับ

ในระยะ 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ $3,037-$3,080 โดยมีโอกาสทดสอบระดับที่สูงขึ้นหากปริมาณการซื้อยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะหากสามารถยืนเหนือ $3,055 ได้อย่างมั่นคง อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $3,080-$3,100 ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปสู่เป้าหมายที่ $3,136 ในระยะกลาง ในทางกลับกัน หากมีแรงขายทำกำไรเพิ่มขึ้น ราคาอาจปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ $3,037 ซึ่งเป็นระดับสำคัญทั้งในเชิงเทคนิคและจิตวิทยา

แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน และยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นหลังจากที่ราคาสามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ $3,037 ได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังความเสี่ยงจากการเกิดการปรับฐานระยะสั้นเนื่องจากราคาได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วและอยู่ในภาวะ Overbought ค่อนข้างนานแล้ว

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,037

• $3,019

• $3,004

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,060

• $3,080

• $3,100