วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 13 ก.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 13 กันยายน 2567 ตลาดทองคำสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักลงทุนอีกครั้ง หลังจากราคาทองคำพุ่งแตะระดับ 2,568 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดใหม่ตลอดกาล ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว 0.25% ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น โดยการเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินในระยะยาว
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐชี้ชัด เฟดเตรียมลดดอกเบี้ย ทองคำพุ่งทะยานไม่หยุด
ราคาทองคำได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่เหนือ $2,568 หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญหลายรายการ โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่เพิ่มขึ้นตามคาด และดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index: PPI) ที่ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ข้อมูลเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป
นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar Index: DXY) ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก ได้ปรับตัวลดลง 0.29% มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 101.44 สะท้อนถึงการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
CME FedWatch Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของเฟด แสดงให้เห็นว่าตลาดคาดการณ์โอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 85% และโอกาสที่จะลดลง 0.50% อยู่ที่ 15% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างสูงของนักลงทุนต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดในอนาคตอันใกล้
ECB ลดดอกเบี้ยครั้งประวัติศาสตร์ ทองคำในสกุลยูโรพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ในขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (Deposit Facility Rate) ลง 0.25% มาอยู่ที่ 3.50% พร้อมกับปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลัก (Main Refinancing Operations Rate) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ฉุกเฉิน (Marginal Lending Facility Rate) ลงมาอยู่ที่ 3.65% และ 3.90% ตามลำดับ การตัดสินใจนี้นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ ECB ในรอบหลายปี และส่งผลให้ราคาทองคำในสกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 2,313.55 ยูโรต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.70%
Christine Lagarde ประธาน ECB กล่าวในการแถลงข่าวว่า ธนาคารกลางยังคงเปิดกว้างต่อทุกทางเลือกนโยบายการเงิน และจะยังคงพิจารณาตามข้อมูลเศรษฐกิจที่เข้ามาเป็นสำคัญ โดยไม่ผูกมัดตนเองกับทิศทางนโยบายการเงินใดๆ ในขณะนี้ คำกล่าวนี้สะท้อนถึงความระมัดระวังของ ECB ในการดำเนินนโยบายการเงิน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่
นักวิเคราะห์ชั้นนำคาดการณ์แนวโน้มราคาทองและทิศทางนโยบายการเงินโลก
Andrew Kenningham หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยุโรปของ Capital Economics คาดการณ์ว่า ECB จะทยอยผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป โดยอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือนธันวาคม และจะลดลงเหลือ 2.5% ภายในครึ่งหลังของปีหน้า เขาเสริมว่า “แม้ว่าการประชุมในเดือนตุลาคมจะเป็นการตัดสินใจที่ใกล้เคียงกัน แต่เรายังคงเชื่อว่า ECB จะรอจนถึงเดือนธันวาคมก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงเหลือ 3.25%”
ด้าน James Stanley นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Forex.com มองว่าแม้ ECB จะปรับลดดอกเบี้ยก่อนเฟด แต่ทั้งสองธนาคารกลางกำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากเงินเฟ้อเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก ธนาคารกลางจึงไม่สามารถปล่อยให้ธนาคารกลางอื่นได้เปรียบในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนได้ Stanley กล่าวว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกคือเหตุผลที่เราไม่เห็นราคาทองคำย้อนกลับไปถึงการทะลุแนวต้านในเดือนตุลาคม ทองคำกลายเป็นผู้ชนะอย่างชัดเจนเมื่อทั้งดอลลาร์และยูโรอ่อนค่าลงพร้อมกัน
Marc Chandler ผู้อำนวยการบริหารของ Bannockburn Global Forex ชี้ว่าปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำยังคงแข็งแกร่ง ทั้งแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ย การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินต่อไป เขาคาดว่าราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นไปถึงระดับ $2,600 - $2,700 ภายในปีนี้ และเสริมว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำมากขึ้น
การซื้อขายทองคำโยกย้ายจากตะวันตกสู่ตะวันออก
Florian Grummes ผู้อำนวยการบริหารของ Midas Touch Consulting ให้ความเห็นในงาน Precious Metals Summit Beaver Creek 2024 ว่า การซื้อขายทองคำได้เคลื่อนย้ายจากตะวันตกไปสู่ตะวันออกอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจีนและรัสเซียที่มีความต้องการทองคำทางกายภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก Grummes กล่าวว่า นี่ไม่เป็นความลับอีกต่อไปว่าทองคำได้เคลื่อนย้ายจากตะวันตกไปสู่ตะวันออกเป็นเวลาหลายปีแล้ว ความต้องการทางกายภาพจากประเทศเอเชีย โดยเฉพาะจีนและรัสเซีย กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดทองคำในปัจจุบัน
Grummes มองว่าแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำยังคงแข็งแกร่ง และอาจมีเป้าหมายที่ระดับ $3,100 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ เช่น รูปแบบทางเทคนิคแบบ Cup and Handle ที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง และความนิยมในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน เขาเสริมว่า “เรากำลังเห็นการรวมตัวของปัจจัยบวกหลายประการที่สนับสนุนราคาทองคำ ทั้งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนรายใหญ่”
Grummes ยังเสริมว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาถูกขับเคลื่อนโดยเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และความต้องการทางกายภาพจากจีนเป็นหลัก ในขณะที่นักลงทุนตะวันตกยังคงมุ่งเน้นไปที่ AI และหุ้นเทคโนโลยีเพียงไม่กี่ตัว เขากล่าวว่า “เราอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคต หากนักลงทุนตะวันตกเริ่มหันมาให้ความสนใจกับทองคำมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง คล้ายกับที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดของ COVID-19”
ความท้าทายและโอกาสสำหรับนักลงทุนในตลาดทองคำ
แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ Jim Wyckoff นักยุทธศาสตร์ตลาดอาวุโสของ Kitco.com ให้ความเห็นว่า ในขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางเทคนิคใดๆ ที่บ่งชี้ว่าราคาทองคำกำลังจะถึงจุดสูงสุด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น โดยเฉพาะเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
Wyckoff แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยเฉพาะการติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำแสดงสัญญาณขาขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุดที่ราคาได้พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วจากระดับ $2,520 สู่ระดับ $2,568
การเคลื่อนไหวของราคาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA ทั้ง 3 เส้น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่วิ่งออกห่างเส้น EMA 12 (สีแดง) และ EMA 26 (สีฟ้า) อาจจะทำให้ราคาเกิดการพักตัว หรือปรับตัวลงมาหาเส้นดังกล่าวได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือราคาจะชะลอตัวลง เพื่อให้เส้นดังกล่าวปรับตัวขึ้นมาใกล้กับราคา
ทางด้านดัชนี Relative Strength Index (RSI) แสดงค่าที่สูงมาก รวมถึงอยู่ในเขต Overbought ที่ระดับเหนือ 70 ซึ่งเป็นอีกข้อบ่งชี้ว่าราคาอาจมีการพักฐานในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ในภาวะตลาดที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งเช่นนี้ RSI อาจคงอยู่ในระดับสูงได้นานกว่าปกติ
ในส่วนของแนวรับ ระดับสำคัญที่ควรจับตามองคือ $2,553, $2,545 และ $2,530 ที่ราคาได้ทะลุขึ้นมาตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ระดับ 2,568 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ถัดไปที่ตัวเลขกลมๆ บริเวณ $2,570 และ $2,58
คาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น แต่อาจเผชิญกับแรงขายทำกำไรระยะสั้นเนื่องจาก RSI อยู่ในเขต Overbought นักลงทุนควรระมัดระวังการเข้าซื้อที่ระดับราคาปัจจุบัน และอาจพิจารณารอจังหวะราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับก่อนเข้าซื้อ
หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับได้อย่างมั่นคง อาจเป็นสัญญาณของการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่แนวต้านถัดไป ในทางกลับกัน หากราคาหลุดแนวรับที่ $2,545 อาจเป็นสัญญาณของการพักฐานที่ลึกขึ้น
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,553
$2,545
$2,430
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,567
$2,570
$2,580
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน