วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 11 ธ.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ตลาดทองคำโลกกลับมามีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอีกครั้ง เมื่อราคาทองคำพุ่งทะลุระดับสำคัญที่ 2,700 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในการประชุมเดือนธันวาคม
การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ส่งสัญญาณเชิงบวก โดยผลสำรวจล่าสุดจาก National Federation of Independent Business ชี้ให้เห็นว่าภาคธุรกิจขนาดเล็กเริ่มมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อภาพรวมเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ยังคงจับตามองการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธและวันพฤหัสบดีตามลำดับ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐในระยะถัดไป
ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ติดตามการคาดการณ์ของตลาดต่อทิศทางนโยบายการเงินของ Fed แสดงให้เห็นว่าตลาดฟิวเจอร์สให้น้ำหนักถึง 86% ที่ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐและคณะกรรมการจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 basis points ในการประชุมวันที่ 17-18 ธันวาคมนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างสูงของนักลงทุนต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะใกล้
ความต้องการลงทุนในทองคำอาจซบเซาในปี 2025 แม้มีสัญญาณฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมา
แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในปี 2024 พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับปี 2023 แต่ Jim Wiederhold ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ของ Bloomberg ได้เปิดเผยในบทวิเคราะห์ล่าสุดถึงแนวโน้มที่น่ากังวล โดยระบุว่าปริมาณการซื้อขายของทองคำในดัชนี Bloomberg Commodity Index (BCOM) จะปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2025 โดยจะลดลงเหลือเพียง 14.29% จากระดับสูงสุดของปีนี้ที่ 17.53%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบทบาทของทองคำในภาคสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมจะมีแนวโน้มลดลง แต่นักวิเคราะห์หลายรายได้ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนทั่วโลกยังคงมีการลงทุนในทองคำต่ำกว่าระดับที่ควรจะเป็นอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันทองคำมีสัดส่วนเพียงประมาณ 2% ของพอร์ตการลงทุนทั่วโลก ในขณะที่กลยุทธ์การลงทุนแบบหลากหลายสินทรัพย์ (multi-asset portfolio) ของสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Société Générale ในปัจจุบันมีการจัดสรรสัดส่วนให้กับทองคำถึง 7% โดยถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์หลักเพียงรายการเดียวในพอร์ตการลงทุน
ผลการวิจัยของ Société Générale ยังได้แนะนำว่านักลงทุนควรพิจารณาถือครองทองคำในสัดส่วนระหว่าง 5% ถึง 10% ของพอร์ตการลงทุน เพื่อสร้างความสมดุลและกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดการเงินโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงเช่นในปัจจุบัน
มุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำในปี 2025 ท่ามกลางการผ่อนคลายนโยบายการเงินทั่วโลก
ทางด้านทีมนักวิเคราะห์จาก Heraeus Precious Metals ได้นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจผ่านรายงาน Precious Forecast 2025 โดยประเมินว่าแนวโน้มราคาทองคำในปี 2025 ยังคงเป็นบวก แม้ว่าจะมีความท้าทายจากความไม่แน่นอนของภาพรวมเงินเฟ้อและความเป็นไปได้ที่ความต้องการเครื่องประดับทองคำอาจชะลอตัวลงในบางภูมิภาค
รายงานระบุว่านโยบายการเงินทั่วโลกได้เริ่มเข้าสู่วัฏจักรของการลดอัตราดอกเบี้ย โดยมีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐอเมริกาจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2025 ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากธนาคารกลางสหรัฐ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนี้มีสาเหตุหลักมาจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เริ่มผ่อนคลายลง และความคาดหวังว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Treasury yield curve) ซึ่งมีประวัติการเป็นตัวชี้วัดที่น่าเชื่อถือ สหรัฐอเมริกามีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในปี 2025 สถานการณ์ดังกล่าวจะนำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง และจะกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำเมื่ออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (real interest rates) ปรับตัวลดลง
ปัจจัยทางการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจของ Trump กับผลกระทบต่อตลาดทองคำ
การที่ Donald Trump มีแนวโน้มที่จะกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้งอาจส่งผลกระทบในหลายมิติต่อตลาดทองคำ ในด้านหนึ่ง อาจช่วยลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์หากมีการบรรลุข้อตกลงในสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน แต่ในอีกด้านหนึ่ง อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
นโยบายเศรษฐกิจที่ Trump นำเสนอในการหาเสียงเลือกตั้งหลายประการมีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีที่ไม่มีแหล่งเงินทุนรองรับ การผ่อนคลายกฎระเบียบทางการเงิน และการเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงขึ้น นโยบายเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อเสถียรภาพทางการเงินของสหรัฐในระยะยาว
ขณะที่รัฐบาลสหรัฐยังคงมีการขาดดุลงบประมาณในระดับสูง หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาระการจ่ายดอกเบี้ยได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าสุดจะช่วยบรรเทาแรงกดดันในระยะสั้น แต่ก็ไม่มีสัญญาณว่าจะมีการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ นักวิเคราะห์จึงมองว่าสหรัฐมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาเงินเฟ้อในการลดภาระหนี้ ซึ่งในท้ายที่สุดจะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
Wells Fargo มองราคาทองทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ในปี 2025
John LaForge หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินทรัพย์จริงของ Wells Fargo ได้นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในปี 2025 โดยแนะนำให้นักลงทุนพิจารณากระจายการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่หลากหลาย และใช้กลยุทธ์ดัมเบลล์ (dumbbell strategy) โดยจัดสรรการลงทุนระหว่างน้ำมันซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาต่ำสุดอยู่ที่ปลายด้านหนึ่ง และทองคำอยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่ง
Wells Fargo คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปิดปี 2025 ที่ระดับระหว่าง 2,800 ถึง 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) มีแนวโน้มที่จะปิดปีที่ระดับระหว่าง 85 ถึง 95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มุมมองเชิงบวกนี้เกิดขึ้นแม้ว่าธนาคารจะคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 3% อีกครั้ง
LaForge ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคำในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่ได้พึ่งพาความต้องการจากนักลงทุนทั่วไปเป็นหลักอีกต่อไป แต่กลับมาจากความต้องการของธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่และผู้บริโภคที่ต้องการปกป้องความมั่งคั่งในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยภาระหนี้สิน
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาได้แสดงสัญญาณการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ระดับ $2,700 ซึ่งเป็นการเคลื่อนตัวขึ้นต่อเนื่องจากระดับ $2,663 ในการวิเคราะห์ครั้งก่อน
เมื่อพิจารณาจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ พบว่าเส้น EMA 12 (สีแดง) และ EMA 26 (สีฟ้า) ได้แยกตัวห่างกันมากขึ้น โดยเส้น EMA 12 ปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนถึงแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ ราคายังสามารถยืนเหนือเส้น EMA 200 (สีส้ม) ได้อย่างแข็งแกร่ง ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง
ค่า RSI ได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 70 ซึ่งเข้าสู่เขต Overbought แล้ว แสดงให้เห็นว่าราคามีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจต้องระวังแรงขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น
สำหรับระดับแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามองในขณะนี้อยู่ที่ $2,706 และ $2,721 โดยเฉพาะแนวต้านแรกที่เป็นระดับจิตวิทยาสำคัญ ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ที่ $2,686 และ $2,673 ซึ่งเป็นระดับที่เคยเป็นแนวต้านเก่าและได้กลายเป็นแนวรับใหม่
ในการคาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้านที่ $2,706 เนื่องจากแรงซื้อยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากการที่แท่งเทียนส่วนใหญ่ปิดในแดนบวกและมีไส้ล่างสั้น แสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาหนุนทุกครั้งที่ราคาย่อตัว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังการเกิด Pullback ระยะสั้น เนื่องจาก RSI เข้าสู่เขต Overbought แล้ว โดยหากเกิดการพักฐาน แนวรับแรกที่ $2,686 น่าจะเป็นระดับที่มีแรงซื้อเข้ามารองรับ
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,686
$2,673
$2,654
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,706
$2,721
$2,739
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน