วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 28 ก.พ. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ราคาทองคำ XAU/USD ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ โดยราคาลดลงมาอยู่ที่ 2,880 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่เคยทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 2,956.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา การปรับตัวลงของราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อที่สำคัญอย่างดัชนี Personal Consumption Expenditures (PCE) ที่จะมีการประกาศในวันนี้

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองการปรับตัวลงของราคาทองคำเพียงในระยะสั้นและการทำกำไรเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวัฏจักรปกติ โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำมีโอกาสทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ภายใน 30-60 วันข้างหน้า ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของตลาดต่อการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จะมีผลในวันที่ 4 มีนาคม

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผสม เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นแม้การเติบโตชะลอลง

สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ปี 2024 ขยายตัว 2.3% ซึ่งสอดคล้องกับการประมาณการครั้งแรกและการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยดัชนีราคา GDP (GDP Price Index) เพิ่มขึ้น 2.4% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ 2.2% ขณะที่ดัชนี Core PCE ซึ่งไม่รวมราคาสินค้าและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.7% สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.5%

แม้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้น แต่การบริโภคของประชาชนยังคงแข็งแกร่ง โดยการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 4.2% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการครั้งแรก นักเศรษฐศาสตร์หลายรายมองว่า ข้อมูล GDP ล่าสุดจะสร้างแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการรักษาสมดุลระหว่างตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ โดยธนาคารกลางได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะไม่รีบร้อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจะเริ่มสูงขึ้น

ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว แต่ยังคงแข็งแกร่ง

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 22,000 ราย มาอยู่ที่ 242,000 ราย ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 222,000 ราย และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้รับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องกลับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.862 ล้านราย จาก 1.867 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าผู้ว่างงานยังสามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลการจ้างงานล่าสุดจะเพิ่มความท้าทายให้กับธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการรักษาสมดุลระหว่างเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นและตลาดแรงงานที่อาจเริ่มชะลอตัว

ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ ทรุดหนัก ยอดขายบ้านรอปิดการขายต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐฯ (NAR) รายงานว่า ดัชนียอดขายบ้านรอปิดการขายเดือนมกราคมลดลง 4.6% สู่ระดับ 70.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่เดือนธันวาคมปรับตัวลดลง 4.1% การปรับตัวลงครั้งนี้แย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3%

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายบ้านรอปิดการขายในเดือนมกราคมลดลง 5.2% แย่กว่าที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 6.0% โดยทุกภูมิภาคมีการปรับตัวลดลง Lawrence Yun หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NAR กล่าวว่า ราคาบ้านและอัตราดอกเบี้ยจำนองที่สูงส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อบ้านของผู้บริโภค โดยในเดือนมกราคม อัตราดอกเบี้ยจำนองอยู่ที่ระดับ 6.91-7.04% ส่งผลให้การผ่อนชำระรายเดือนสำหรับบ้านราคา 300,000 ดอลลาร์เพิ่มขึ้น 50 ดอลลาร์จากปีก่อน มาอยู่ที่ 1,590 ดอลลาร์

นักวิเคราะห์มองราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น แม้อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป

Nitesh Shah หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์และเศรษฐศาสตร์มหภาคยุโรปของ WisdomTree ระบุว่า แม้แบบจำลองจะชี้ว่าราคาทองคำสูงเกินมูลค่าที่ควรจะเป็นประมาณ 15% แต่ความน่าเชื่อถือของแบบจำลองยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากปัจจัยที่ขับเคลื่อนราคาทองคำแบบดั้งเดิมถูกแทนที่ด้วยปัจจัยที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยแบบจำลองสามารถอธิบายการเคลื่อนไหวของราคาได้เพียง 65% เท่านั้น

ปัจจัยใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ อุปสงค์จากธนาคารกลาง บทบาทที่เพิ่มขึ้นของจีน และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดี Trump ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกที่ 25% และจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งจะมีผลในวันที่ 4 มีนาคม โดยนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าสงครามการค้าอาจผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้นและทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่อนแอลง

Shah ยังมองว่าอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากจีนและการซื้อทองคำของธนาคารกลางจะช่วยสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำในระยะยาว แม้ราคาที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทางกายภาพ แต่อุปสงค์ของผู้บริโภคจีนมีความยืดหยุ่นน้อยกว่ารายอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคจีนยังมีทางเลือกในการลงทุนที่จำกัด 

ส่วนธนาคารกลางต่างๆ ยังมีสัดส่วนการถือครองทองคำที่ต่ำเมื่อเทียบกับระดับในอดีต โดยทองคำคิดเป็นเพียง 5% ของทุนสำรองทั้งหมดของจีน ซึ่ง Shah มองว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากและเชื่อว่าธนาคารกลางจีนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องซื้อทองคำเพิ่มเติม

ความท้าทายของนโยบายการเงินและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2025 รวมประมาณ 55 basis points อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้ธนาคารกลางต้องชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน Bart Melek หัวหน้ากลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ TD Securities เตือนว่า หากตัวเลข PCE คลาดเคลือนจากที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ อาจส่งผลลบต่อตลาด เนื่องจากความกังวลว่าธนาคารกลางจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ในขณะเดียวกัน การประกาศเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Trump ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า เนื่องจากทั้งแคนาดาและเม็กซิโกประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน ความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างประเทศและความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลและธนาคารกลางอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก

แม้ราคาทองคำจะปรับตัวลงมาต่ำกว่า 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากการทำกำไรของนักลงทุน แต่นักวิเคราะห์ยังมองว่าทองคำยังมีปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ทั้งแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ความวุ่นวายจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ อุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากผู้บริโภคจีน และการเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะในกรณีที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยพร้อมกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

เทรดทองคำกับโบรกเกอร์ชั้นนำในโลก🎁🎁🎁

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

ราคาทองคำได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาได้หลุดแนวรับสำคัญหลายระดับลงมา ภาพทางเทคนิคแสดงให้เห็นถึงการเกิดแนวโน้มขาลงในระยะสั้นที่ชัดเจนขึ้น โดยราคาได้หลุดลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (EMA สีแดง) และเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง (EMA สีฟ้า) ซึ่งทั้งสองเส้นนี้เริ่มปรับตัวลงห่างจากกัน เป็นสัญญาณยืนยันแรงกดดันขาลงที่เพิ่มขึ้น

แท่งเทียนล่าสุดแสดงการพยายามทรงตัวบริเวณ $2,880 โดยราคาได้สร้างแท่งเทียนขนาดเล็กลงเรื่อยๆ บ่งชี้ถึงการลดลงของความผันผวนและอาจเป็นสัญญาณของการพักฐานชั่วคราวก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวในทิศทางใหม่

ปัจจุบัน RSI ยังคงปรับตัวลงและอยู่ในระดับต่ำกว่า 40 แสดงถึงแรงขายที่เหนือกว่าแรงซื้อ ขณะที่ Stochastic ก็กำลังปรับตัวลงและเข้าใกล้ระดับต่ำสุด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าราคาเริ่มเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) แต่ยังไม่มีสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน

ในภาพใหญ่ ราคายังคงอยู่เหนือเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว (เส้นสีส้ม) ซึ่งแสดงว่าแนวโน้มหลักในระยะยาวยังคงเป็นบวก แต่ในระยะสั้นถึงกลาง ราคามีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงต่อเนื่อง

สำหรับการคาดการณ์ใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำกำลังทดสอบแนวรับที่ $2,878 และหากไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ ราคาอาจจะปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,842 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาสำคัญและเป็นระดับแนวรับของเส้น EMA 200 (สีส้ม) ที่แข็งแกร่ง

ในทางกลับกัน หากราคาสามารถทรงตัวและฟื้นตัวขึ้นได้ แนวต้านสำคัญจะอยู่ที่บริเวณ $2,900 ซึ่งเดิมเคยเป็นแนวรับมาก่อน และยังเป็นระดับจิตวิทยาสำคัญ แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ $2,920 และ $2,940 ตามลำดับ

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,880

• $2,842

• $2,800

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,900

• $2,920

• $2,940