วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 31 ธ.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ในวันสุดท้ายของปี 2024 ตลาดทองคำเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว โดยราคาทองคำ (XAU/USD) เจอกับแรงเทขายทำให้ราคาลงมาอยู่บริเวณ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ท่ามกลางการรอคอยปัจจัยใหม่ๆ ที่จะเข้ามากระทบตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และนโยบายภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ Donald Trump ซึ่งการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงสิ้นปีมีแนวโน้มที่จะเบาบางลงตามปกติของช่วงเทศกาลวันหยุด
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามองคือท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หลังจากประธาน Jerome Powell ได้ส่งสัญญาณในช่วงต้นเดือนว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินอาจต้องระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แม้ว่าจะได้ดำเนินการปรับลดไปแล้ว 25 basis points ก็ตาม ความระมัดระวังนี้สะท้อนให้เห็นในรายงาน Summary of Economic Projections (SEP) หรือที่นักลงทุนรู้จักกันในชื่อ “dot plot” ฉบับล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการ Fed มีแนวโน้มที่จะลดจำนวนครั้งของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจาก 4 ครั้งเหลือเพียง 2 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะปรับลดในอัตรา 0.25%
การที่ Fed ยังคงรักษาท่าทีที่ระมัดระวังนี้อาจส่งผลกดดันต่อราคาทองคำในระยะสั้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงมักลดความน่าสนใจในการถือครองทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นักลงทุนอาจหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอนมากกว่า เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือเงินฝากธนาคาร
อย่างไรก็ตาม Kelvin Wong นักวิเคราะห์อาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ OANDA มองว่า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2024 และมีแนวโน้มที่จะยังคงส่งผลบวกต่อราคาทองคำไปจนถึงปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ซึ่งอาจนำมาซึ่งความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และกระตุ้นให้นักลงทุนแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนี้ การที่ Trump ได้แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อประเทศคู่ค้าสำคัญ ทั้งจีน สหภาพยุโรป แคนาดา และเม็กซิโก ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ยิ่งเพิ่มความกังวลว่าอาจเกิดสงครามการค้าครั้งใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ
ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัว กดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลง
ข้อมูลล่าสุดจาก National Association of Realtors (NAR) แสดงให้เห็นว่าดัชนี Pending Home Sales ของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 2.2% ต่อเนื่องจากเดือนตุลาคมที่เพิ่มขึ้น 1.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 0.9% โดยการทำสัญญาซื้อขายบ้านเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคของสหรัฐฯ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยภาคตะวันตกมีการเติบโตสูงที่สุด ส่งผลให้ยอดการทำสัญญาซื้อขายบ้านทั้งปีเพิ่มขึ้น 6.9%
Lawrence Yun หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NAR กล่าวว่า ผู้ซื้อเริ่มปรับตัวเข้ากับสภาวะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับสูงกว่า 6% มาเป็นเวลา 24 เดือนแล้ว และไม่ได้คาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญอีกต่อไป นอกจากนี้ ผู้ซื้อยังมีอำนาจต่อรองมากขึ้นเนื่องจากตลาดกำลังเปลี่ยนจากการเป็นตลาดของผู้ขาย
ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2024 เผชิญกับความท้าทายสำคัญสองประการ คือ การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงตลอดครึ่งปีแรก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้น และการที่ราคาบ้านยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากปริมาณบ้านในตลาดมีจำกัด
นักวิเคราะห์ชี้ทองคำเดือนมกราคมอาจไม่สดใสเหมือนปีก่อน ท่ามกลางปัจจัยกดดันหลายด้าน
Justin Low นักวิเคราะห์สกุลเงินจาก ForexLive ระบุว่า แม้โดยปกติราคาทองคำจะมีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในเดือนมกราคม แต่ปัจจัยหลายประการในปีใหม่นี้ทำให้การคาดการณ์ทิศทางราคาทองคำเป็นไปได้ยากขึ้น โดยเฉพาะการที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงกว่า 27% ในปี 2024 แล้ว ประกอบกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ส่งผลต่อมุมมองการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ
Low ยังชี้ให้เห็นว่า แม้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เดือนมกราคมจะเป็นเดือนที่ทองคำมีผลการดำเนินงานดีที่สุด แต่ในยุคหลังการระบาดของโควิด-19 รูปแบบนี้เริ่มเปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการเข้าซื้อล่วงหน้าในเดือนธันวาคม และอีกส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในช่วงเวลาดังกล่าว แม้ว่าความต้องการทองคำของจีนจะยังคงแข็งแกร่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาก็ตาม
ทองคำส่อแววปิดเดือนธันวาคมขาดทุนครั้งแรกในรอบ 7 ปี แต่นักวิเคราะห์ยังมองบวก
ตลาดทองคำกำลังจะปิดท้ายปีด้วยทิศทางที่อ่อนแอ โดยมีแนวโน้มที่จะปิดเดือนธันวาคมด้วยผลขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี อย่างไรก็ตาม ยังคงมีมุมมองเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญในตลาด
Chantele Schieven หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Capitalight Research กล่าวว่า แม้จะมีความอ่อนแอในตลาดขณะนี้ แต่ราคาทองคำยังคงรักษาระดับได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก โดยการปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดในเดือนตุลาคมและการพักฐานที่ตามมาถือเป็นการพักตัวครั้งสำคัญครั้งแรกของปี ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพของตลาด
อย่างไรก็ตาม Schieven ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อทองคำสำหรับปี 2025 เช่นเดียวกับปี 2024 แม้ว่าความเป็นบวกนี้จะต้องอดทนบ้าง เนื่องจากเธอคาดว่าช่วงการพักฐานปัจจุบันจะยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 2,500-2,700 ดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี ก่อนที่จะทะลุ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025
Schieven อธิบายว่านโยบายที่ Trump เสนอ เช่น การขยายเครดิตภาษีปี 2017 การเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากจีน แคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป การผลักดันนโยบายเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคน รวมถึงความต้องการผนวกแคนาดาและกรีนแลนด์ จะส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี แต่ก็จะสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในขณะเดียวกันนโยบายเหล่านี้จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น แต่ก็จะมีต้นทุนที่ต้องแลก ความไม่แน่นอนนี้จะยังคงสนับสนุนบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าในปี 2024 ทองคำได้สร้างสถิติใหม่โดยทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย ณ จุดสูงสุดในเดือนตุลาคม ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% นับเป็นผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของราคาทองคำในระยะยาว แม้ว่าจะมีการพักฐานในช่วงสั้นก็ตาม
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาได้เคลื่อนตัวลงมาทดสอบแนวรับที่ $2,611 ตามที่ได้คาดการณ์ไว้และไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ ส่งผลให้ราคาปรับตัวลงมาอยู่ที่ $2,608 ในปัจจุบัน
เมื่อพิจารณารูปแบบการเคลื่อนไหว เราเห็นการหลุดออกจากกรอบ Consolidation ที่เคยกล่าวถึงด้านล่าง ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงลบในระยะสั้น นอกจากนี้ การที่ราคาเคลื่อนตัวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง EMA 12 และ EMA 26 (เส้นสีแดงและสีฟ้า) ยิ่งเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงในระยะสั้น
ในด้าน Momentum ดัชนี RSI ได้ปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 50 อย่างชัดเจน แสดงถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ Stochastic RSI ยังคงเคลื่อนไหวในแดนขาลง ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาอาจมีโอกาสปรับตัวลงต่อได้อีก
สำหรับมุมมอง 24 ชั่วโมงข้างหน้า แนวรับสำคัญถัดไปอยู่ที่ $2,603 ซึ่งเป็นจุดที่มีปริมาณการซื้อขายสูงในอดีต หากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจเห็นการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ $2,611 ซึ่งได้เปลี่ยนสถานะจากแนวรับเป็นแนวต้านในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ $2,603 ได้ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ $2,583 ซึ่งเป็นแนวรับทางจิตวิทยาที่สำคัญ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการทดสอบแนวรับที่ $2,603 นี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นระดับที่มีนัยสำคัญทางเทคนิคหลายประการมาบรรจบกัน
สุดท้ายนี้ ขอให้นักลงทุนทุกท่านมีความสุขในช่วงวันส่งท้ายปี และกลับมาเจอกันใหม่ในปี 2025
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,603
$2,582
$2,554
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,611
$2,632
$2,645
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน