วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 17 ต.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันที่ผ่านมา โดยแตะระดับสูงสุดของปีที่ $2,685 อีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ นักวิเคราะห์ชี้ว่าการอ่อนค่าของดอลลาร์และการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำ
โดยนักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์ว่าความไม่แน่นอนและความผันผวนจะเพิ่มสูงขึ้นจนกว่าการเลือกตั้งของประเทศของสหรัฐฯ จะชัดเจน และคณะบริหารชุดใหม่จะเข้ามารับตำแหน่ง และแนะนำว่าทองคำและน้ำมันอาจเป็น “เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพสำหรับพอร์ตการลงทุน”
ธนาคารกลางทั่วโลกเตรียมผ่อนคลายนโยบายการเงิน หวั่นเศรษฐกิจชะลอตัว
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ ตามด้วยธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 6-7 พฤศจิกายน สะท้อนความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลง
ในสหราชอาณาจักร อัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งผลให้คาดการณ์ว่า BoE จะกลับมาดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอีกครั้งเช่นกัน
ตามเครื่องมือ CME FedWatch นักลงทุนมองว่ามีโอกาส 96% ที่สหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 basis point ในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว
ในขณะที่รายงานล่าสุดจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยว่าอัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ของประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป สร้างความท้าทายให้กับการดำเนินนโยบายการคลังในระยะยาว
นักวิจัยจาก IMF เสนอแนวคิด “fiscal r-star” ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่จำเป็นต้องใช้เพื่อรักษาระดับหนี้สาธารณะให้คงที่เมื่อเศรษฐกิจเติบโตตามศักยภาพและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมาย พวกเขาเสนอว่าหากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงสูงกว่า fiscal r-star อย่างต่อเนื่อง จะทำให้อัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เว้นแต่ประเทศนั้นจะลดการขาดดุลและเริ่มใช้จ่ายภายในขีดความสามารถของตน
ปัจจุบัน ช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายและระดับที่ยั่งยืนทางการคลังในสหรัฐฯ กว้างที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1980 และในยุโรปกว้างที่สุดในรอบสามทศวรรษ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลทั้งสองอาจกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่อัตราส่วนหนี้ต่อ GDP เติบโตอย่างรวดเร็ว เว้นแต่จะมีการปรับนโยบายการคลังอย่างมีนัยสำคัญ
ความต้องการทองคำพุ่ง สะท้อนความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก
Robert Armstrong นักวิเคราะห์จาก Financial Times ชี้ว่าการเพิ่มขึ้นของความต้องการทองคำ โดยเฉพาะจากนักลงทุนรายย่อยและธนาคารกลาง สะท้อนความกังวลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินโลก ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Costco Phenomenon” ซึ่งบริษัท Costco รายงานยอดขายทองคำแท่งเพิ่มขึ้นกว่าสองหลักในไตรมาสที่สาม แสดงให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการปกป้องความมั่งคั่งของตนเอง
Armstrong กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์แย่ลง ทองคำดูเหมือนจะทำได้ดี นั่นคือสิ่งที่ดึงดูดใจมาโดยตลอด แต่เขาเตือนว่านักลงทุนจำเป็นต้องถือครองทองคำเป็นระยะเวลานานเพื่อได้รับประโยชน์ในช่วงความกลัว ความไม่แน่นอน และความผันผวนระยะสั้น
นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางของหลายประเทศเริ่มกระจายความเสี่ยงออกจากดอลลาร์สหรัฐ ก็เป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ Armstrong อธิบายว่า “ถ้าคุณเป็นธนาคารกลางและคุณเห็นรัฐบาลสหรัฐฯ พยายามบีบเค้นเงินสำรองต่างประเทศของประเทศอื่น คุณก็จะเริ่มคิดถึงทางเลือกอื่นและวิธีปกป้องเศรษฐกิจของคุณ”
แม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง แต่ความท้าทายยังรออยู่
แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะดูแข็งแกร่ง โดยอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ และอัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว แต่ความท้าทายในระยะยาวยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาระหนี้สาธารณะที่สูงถึง 35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในขณะเดียวกัน การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ก็เป็นอีกปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก โดยนักวิเคราะห์มองว่าผลการเลือกตั้งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศในอนาคต
ท่ามกลางความไม่แน่นอนเหล่านี้ นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกจึงจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะดูแข็งแกร่งในภาพรวม แต่ยังมีปัจจัยท้าทายที่ต้องจับตามอง ด้านบวก อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ และอัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงถึง 35 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นความเสี่ยงระยะยาวที่ไม่อาจมองข้าม
นอกจากนี้ ความรู้สึกของผู้บริโภคยังไม่สอดคล้องกับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดูดี นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดพบว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 5 ปีสำหรับประชาชนในการปรับตัวทางจิตวิทยาให้เข้ากับสภาวะราคาที่สูงขึ้นหลังจากช่วงเงินเฟ้อสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคและการลงทุนในระยะกลาง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพิ่มความไม่แน่นอนให้ตลาดการเงิน
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า กลายเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดทองคำและเศรษฐกิจโลก โดยนักวิเคราะห์มองว่าผลการเลือกตั้งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศในอนาคต
น่าสนใจว่าแม้ตัวเลขทางเศรษฐกิจจะดูดี แต่ Kamala Harris รองประธานาธิบดีที่เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ยังคงมีคะแนนตามหลัง Donald Trump ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันในการสำรวจความคิดเห็นส่วนใหญ่เกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจ สะท้อนให้เห็นว่าความรู้สึกของประชาชนต่อสภาวะเศรษฐกิจอาจไม่ได้สอดคล้องกับตัวเลขทางการอย่างที่ควรจะเป็น
และท่ามกลางความไม่แน่นอนเหล่านี้ นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกจึงจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า
นักวิเคราะห์หลายรายแนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน โดยพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ และติดตามนโยบายของธนาคารกลางสำคัญๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน ผู้กำหนดนโยบายทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลกก็เผชิญกับความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของภาระหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นและแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำเข้าใกล้จุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งในขณะนี้ หลังจากแสดงสัญญาณที่แข็งแกร่งในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา หลังราคาได้ทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ $2,671 ขึ้นมาได้
โดยเมื่อวันที่ผ่านมา ราคาได้ขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดตลอดกาลที่บริเวณ $2,685 อีกครั้ง แต่ยังคเงไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตาม แรงซื้อยังคงแข็งแกร่ง สังเกตได้จากการที่ราคาเปิด-ปิดอยู่ในช่วงบนของแท่งเทียน บ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำ
ดัชนี RSI เข้าใกล้ระดับ 70 และกำลังเข้าสู่เขต Overbought แต่ยังไม่แสดงสัญญาณ Bearish Divergence ที่ชัดเจน จึงยังสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรระมัดระวังการปรับฐานในระยะสั้น หากราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ $2,685 ได้ในเร็ววัน
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามองคือระดับ $2,671 ซึ่งเป็นแนวต้านในวันที่ผ่านมา หากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นต่อไป โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ $2,657 ซึ่งเป็นจุดตัดของ EMA 26 ซึ่งหากราคาหลุดต่ำกว่าระดับนี้ อาจเห็นการปรับฐานที่ลึกขึ้นในระยะสั้น
สำหรับแนวต้าน นอกจากระดับ $2,685 แล้ว ถัดไปจะเป็นบริเวณ $2,700 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาที่นักลงทุนให้ความสนใจ หากราคาสามารถทะลุผ่านระดับนี้ได้ อาจเห็นแรงซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,671
$2,657
$2,642
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,685
$2,700
$2,710
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน