วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 6 ส.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะปรับตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้งในช่วงเช้าของการซื้อขายวันนี้ โดยราคาดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ $2,364 ท่ามกลางการเทขายสินทรัพย์ทั่วโลก อันเป็นผลมาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตลาดการเงินเริ่มคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากรายงานทางเศรษฐกิจสองฉบับแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการผลิตลดลงอย่างมาก ตามดัชนี ISM (Institute for Supply Management) และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 basis points ในการประชุมเดือนกันยายน
อย่างไรก็ตาม ดัชนี ISM ภาคบริการที่เพิ่งเปิดเผยออกมาแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง โดยดัชนีเพิ่มขึ้นเป็น 51.4% ในเดือนกรกฎาคม จาก 48.8% ในเดือนมิถุนายน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนได้บางส่วน
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar Index หรือ DXY) ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ปรับตัวลดลง 0.50% มาอยู่ที่ 102.74 ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลง 1 basis point ไปอยู่ที่ 3.783% แต่ก็ยังคงฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ที่ 3.667% ที่เคยแตะไปในช่วงต้น
ขณะที่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางอาจจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วยพยุงราคาทองคำไม่ให้ร่วงลงมากเกินไป โดยอิสราเอลกำลังรอการตอบโต้จากอิหร่านและเลบานอนหลังจากการลอบสังหารผู้นำฮามาสเมื่อต้นสัปดาห์ นอกจากนี้ สำนักข่าว Sky News Arabia ยังรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากอิรักว่า ฐานทัพของสหรัฐฯ ในอิรักถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธหลายลูก
นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ทั่วโลก ตลาดคาดเฟดอาจประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน
ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญกับการเทขายครั้งใหญ่ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “Black Monday” โดยราคาสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ โลหะมีค่า คริปโตเคอเรนซี หุ้น และน้ำมัน ต่างดิ่งลงอย่างหนัก ส่งผลให้นักเทรดพันธบัตรเริ่มเดิมพันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ในช่วงต้นของการซื้อขาย ตลาด Swap มีการคาดการณ์ถึง 60% ว่าเฟดจะประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน 25 basis points ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่เคยอยู่บนพาดหัวข่าวมาเป็นเวลาหลายเดือนแทบจะหายไปในทันที หลังจากเกิดวิกฤตในตลาดการเงินญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้เงินเยนร่วงลง 13% และดัชนี Nikkei 225 ดิ่งลงถึง 12.4% ในการซื้อขายวันจันทร์
ดัชนี Nikkei ลดลงไป 4,451.28 จุด ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้ผลตอบแทนทั้งปีหายไปจนติดลบ และถือเป็นวันที่แย่ที่สุดของดัชนีนับตั้งแต่วิกฤต Black Monday ในปี 1987 ตลาดหุ้นเกาหลีและไต้หวันก็ประสบกับการขาดทุนเกือบ 10% เช่นกัน
ท่ามกลางความปั่นป่วนที่แพร่กระจายไปทั่ว ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ได้เห็นการปรับตัวครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ธนาคารในเดือนมีนาคม 2023 โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงเหลือ 3.668% ในช่วงต้นวันจันทร์ ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.8% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงิน ลดลงเหลือ 3.666% ก่อนจะปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือ 3.914%
ขณะที่พันธบัตรมีการปรับตัวขึ้น ตลาดหุ้นกลับดิ่งลงอย่างหนัก โดยการวิเคราะห์ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการลดลงของหุ้นเพียง 10 ตัวในดัชนี S&P 500 รวมถึง Nvidia, Microsoft และ Amazon ได้ทำให้มูลค่าการลงทุนของนักลงทุนหายไปกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม
นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ชั้นนำเรียกร้องให้เฟดลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน
การเทขายในวันจันทร์ ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ทำให้เกิดความกังวลว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้สูงเกินไปนานเกินไป ซึ่งอาจผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย Tracy Chen ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนที่ Brandywine Global Investment Management กล่าวกับ Bloomberg ว่า “ความกังวลของตลาดคือเฟดกำลังล้าหลัง และเรากำลังเปลี่ยนจาก soft landing เป็น hard landing พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นตัวเลือกที่ดีในการซื้อ เพราะเขาคิดว่าเศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัวลงต่อไป”
นักเทรด Futures ในขณะนี้เชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 5 ครั้ง ครั้งละ 0.25% จนถึงสิ้นปี โดยจะลด 0.50% ในเดือนกันยายนและพฤศจิกายน และอีก 0.25% ในเดือนธันวาคม
Jeremy Siegel ศาสตราจารย์ด้านการเงินจาก Wharton School of Business มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เรียกร้องให้เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.75% ตามด้วยการลดอีก 0.75% ในการประชุมนโยบายเดือนกันยายน โดยกล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยควรจะต่ำกว่าระดับปัจจุบันประมาณ 1.75%
ตลาดคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยของเฟด ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจถดถอย
แม้ว่าโดยปกติเฟดจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเฉพาะในการประชุมนโยบายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ก็เคยมีการปรับลดดอกเบี้ยฉุกเฉินในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เช่นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และวิกฤตฟองสบู่ดอตคอม การเทขายในตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทำให้เสียงเรียกร้องให้มีการลดดอกเบี้ยฉุกเฉินเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
นักวิเคราะห์ตลาดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตอบสนองที่ล่าช้าของเฟดในเรื่องอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธนาคารกลางในแคนาดาและยุโรปได้เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินแล้ว
นอกจากนี้ การที่ Berkshire Hathaway Inc. ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน Apple Inc. ลงเกือบ 50% ในการปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนไตรมาสที่สอง ซึ่งเพิ่งเปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดลดลงไปอีก
นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs เพิ่มการคาดการณ์โอกาสที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้าเป็น 25% จาก 15% แต่ก็ยังให้ความมั่นใจว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายทั้งหมด โดยระบุว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังคง “ดูดี” ไม่มีความไม่สมดุลทางการเงินที่สำคัญ และเฟดยังมีพื้นที่มากในการลดอัตราดอกเบี้ยและสามารถทำได้อย่างรวดเร็วหากจำเป็น
Jan Hatzius หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs กล่าวว่า “สมมติฐานของเราคือการจ้างงานจะฟื้นตัวในเดือนสิงหาคม และ FOMC จะพิจารณาว่าการลดดอกเบี้ย 25 basis points เป็นการตอบสนองที่เพียงพอต่อความเสี่ยงขาลงใดๆ หรือไม่ หากเราคาดการณ์ผิดและรายงานการจ้างงานเดือนสิงหาคมอ่อนแอเช่นเดียวกับเดือนกรกฎาคม การลดดอกเบี้ย 50 basis points ในเดือนกันยายนก็มีความเป็นไปได้สูง”
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำเผชิญกับแรงเทขายอย่างรุนแรง ก่อนที่จะกลับขึ้นมาได้บ้างในวันนี้ โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ $2,412 อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เราจะเห็นว่าราคาได้หลุดลงมาต่ำกว่าเส้น EMA 12 (สีแดง) และ EMA 26 (สีฟ้า) แล้ว รวมถึงทั้งสองเส้นดังกล่าวได้ตัดกันลงอีกครั้งซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาลงในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ราคายังคงกลับขึ้นมาอยู่เหนือเส้น EMA 200 (สีส้ม) ที่ระดับ $2,390 - $2,385 ซึ่งอาจทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญในระยะกลาง
ดัชนี RSI แสดงให้เห็นถึงการอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) ซึ่งอาจบ่งชี้ว่ายังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงต่อได้อีก นอกจากนี้ เรายังสังเกตเห็น Divergence ระหว่างราคาและ RSI ในช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึงการกลับตัวของราคาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ระดับแนวรับที่สำคัญที่ควรจับตามองมีทั้งหมดสามระดับหลักๆ โดยเริ่มจากแนวรับระยะสั้นที่ $2,410 ซึ่งเป็น Fibonacci 38.2% ถัดไปคือแนวรับของเส้น EMA 200 และ Fibconacci 50% ที่ $2,385 และสุดท้าย คือ Fibonacci ระดับ 61.8% บริเวณ $2,362 ซึ่งโดยปกติแล้ว สัดส่วนการย่อตัวตาม Fibonacci มักจะลงมาถึงระดับนี้เป็นอย่างน้อย
ในส่วนระดับแนวต้านที่สำคัญก็มีสามระดับเช่นกัน เริ่มจากแนวต้านระยะสั้นที่ $2,423 ซึ่งใกล้เคียงกับแนวเส้นค่าเฉลี่ย EMA ทั้ง 2 เส้น ก่อนที่จะไปเจอแนวต้าน Fibonacci 23.6% $2,436 และแนวต้านระยะยาวที่ $2,469
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,409
$2,385
$2,362
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,423
$2,436
$2,469
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน