วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 23 พ.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ราคาทองร่วงลงทะลุต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ระดับ 2,400 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุด ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ยังแสดงให้เห็นว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงอ่อนแอ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเฟดยังคงยึดถือมุมมองที่ระมัดระวังต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ปัจจุบันราคาทองคำ Gold Spot (XAU/USD) ซื้อขายที่ระดับราคา 2,372 ดอลลาร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามข้อมูลเงินเฟ้อที่ร้อนแรงกว่าคาดของสหราชอาณาจักร ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินทั่วโลกดีดตัวสูงขึ้น รวมถึงดัชนีดอลลาร์ที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณหดตัว
นอกเหนือจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังคงส่งสัญญาณอ่อนแอ โดยยอดขายบ้านมือสองในเดือนเมษายนหดตัวลง 1.9% สู่ระดับ 4.14 ล้านหน่วย จากระดับ 4.22 ล้านหน่วยในเดือนมีนาคม แม้จะหดตัวลง แต่ Lawrence Yun หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) กลับมองว่า “การที่ราคาบ้านพุ่งทำสถิติสูงสุดในเดือนเมษายนถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของบ้าน” แต่ในทางกลับกัน นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่าราคาบ้านที่พุ่งสูงขึ้นน่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผู้ซื้อบ้านรายใหม่ลังเลที่จะเข้าสู่ตลาดมากขึ้น
รายงานระบุว่า ราคาขายบ้านมือสองในเดือนเมษายนเติบโต 5.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 407,600 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และเป็นระดับราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม Yun คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของราคาน่าจะเริ่มชะลอตัวลงในระยะข้างหน้า เนื่องจากอุปทานบ้านสำหรับขายเพิ่มมากขึ้น
เมื่อพิจารณาปริมาณบ้านที่ยังไม่ถูกขาย รายงานระบุว่า ณ สิ้นเดือนเมษายนมีจำนวนรวม 1.21 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 9% จากเดือนมีนาคม และเพิ่มขึ้น 16.3% จากปีก่อนหน้า ซึ่งคิดเป็นอุปทานที่มากพอสำหรับขายต่อเนื่องได้นาน 3.5 เดือนในอัตราการขายปัจจุบัน
เฟดเผยรายงานการประชุม สะท้อนความกังวลต่อเงินเฟ้อ
ในวันที่ผ่านมา เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “ผู้เข้าร่วมประชุมหลายท่านแสดงความเต็มใจที่จะคุมนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น หากความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อเป็นจริงและเป็นไปในทางสมควรให้ดำเนินการ”
เจ้าหน้าที่เฟดได้สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อภาวะเงินเฟ้อในการประชุมครั้งล่าสุด โดยสมาชิกระบุว่า พวกเขาขาดความมั่นใจที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมสังเกตว่า แม้ภาวะเงินเฟ้อจะผ่อนคลายลงในปีที่ผ่านมา แต่ในช่วงเดือนที่ผ่านมากลับยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าเพิ่มเติมในการลดลงมายังเป้าหมายที่ 2% ตามที่ตั้งไว้ และบางรายยังแสดงความเต็มใจที่จะคุมนโยบายให้เข้มงวดขึ้น หากความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อปรากฏขึ้นในทางที่นโยบายดังกล่าวมีความเหมาะสม
ถึงแม้ว่าจะมีสัญญาณความคืบหน้าเป็นระยะ ๆ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเมษายนที่ชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.4% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม รวมถึงเงินเฟ้อพื้นฐานที่ลดลงเหลือ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 แต่การสำรวจผู้บริโภคกลับชี้ว่าความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อมีเพิ่มมากขึ้น เช่น การสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนแสดงให้เห็นว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปีข้างหน้าเพิ่มสูงเป็น 3.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ในขณะที่การสำรวจของเฟดนิวยอร์กก็ให้ผลลัพธ์ทำนองเดียวกัน
ตลาดปรับลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟด
โดยรวมแล้ว ตลาดทองคำยังคงซื้อขายในแดนลบ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เพิ่มสูงขึ้นหลังการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟด ซึ่งนักลงทุนมองว่าความกังวลของกรรมการเฟดต่อปัจจัยเสี่ยงด้านภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ และผลกระทบต่อผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจมีความไม่แน่นอนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
คำกล่าวล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟดนับตั้งแต่การประชุมยังคงมีนัยยะระมัดระวัง เช่น ผู้ว่าการเฟด คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ระบุว่า ถึงแม้เขาอาจยังไม่พิจารณาขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ยังต้องการเห็นข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งต่อเนื่องอีกหลายเดือนก่อนที่จะใช้สิทธิ์โหวตเพื่อลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ก็ส่งสัญญาณไม่แตกต่างมากนัก โดยเน้นย้ำว่าเฟดจะต้อง “อดทนและปล่อยให้นโยบายการเงินที่เข้มงวดส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ” เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวในระดับสูง
เมื่อพิจารณาจากนัยยะของรายงานการประชุมดังกล่าว ตลาดจึงเริ่มปรับลดคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดลงในปีนี้ การประเมินล่าสุดชี้ว่า ความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มต้นลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายนลดลงเหลือราว 60% เท่านั้น ในขณะที่โอกาสสำหรับการปรับลดครั้งที่ 2 ในเดือนธันวาคมก็ลดลงเหลือเพียงครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งเป็นการปรับมุมมองที่แตกต่างจากในช่วงต้นปี ที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะลดดอกเบี้ยได้อย่างน้อย 6 ครั้งในปีนี้
ผลกระทบของนโยบายเฟดต่อราคาทอง
แม้นโยบายการเงินของสหรัฐฯ อาจเป็นปัจจัยรอง แต่หากเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไปในระดับสูง อาจสร้างแรงกดดันต่อราคาทองเพิ่มเติม เนื่องจากอาจบีบให้เฟดต้องกลับมาพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง หากพิจารณาจากการเคลื่อนไหวล่าสุดของราคาทองคำส่งมอบเดือนมิถุนายน ราคาพบกับแรงเทขายที่ค่อนข้างหนัก หลังจากที่การทะลุผ่านแนวรับสำคัญบริเวณ 2,400 ดอลลาร์
รายงานการประชุมของเฟดสะท้อนความผิดหวังที่เพิ่มขึ้นต่อความคืบหน้าในการดึงเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ 2% โดยกรรมการเห็นพ้องกันว่าอาจต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้กว่าเดิมในการมั่นใจได้ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงอย่างยั่งยืนสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
เฟดเตรียมชะลอการลดขนาดงบดุล
นอกจากนี้ แม้เฟดอาจยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินโดยทันที แต่กรรมการได้เริ่มหารือถึงการปรับเปลี่ยนปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสภาพคล่องในตลาดการเงิน โดยเกือบทุกคนสนับสนุนการเริ่มต้นชะลอการลดการถือครองหลักทรัพย์ของเฟดลงตั้งแต่เดือนมิถุนายน ด้วยการลดเพดานการไถ่ถอนตราสารหนี้รัฐบาลรายเดือนจาก 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เหลือ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ควบคู่กับการคงเพดานการไถ่ถอนตราสารหนี้และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (MBS) รายเดือนที่ระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และนำเงินส่วนที่เกินกว่า 3.5 หมื่นล้านไปลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาล ซึ่งกรรมการบางส่วนเชื่อว่าการชะลอการลดขนาดงบดุลจะช่วยให้เฟดสามารถปรับลดการอัดฉีดสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
ทิศทางราคาทองในระยะสั้น
ในภาพรวม ราคาทองยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากการเทขายในเชิงเทคนิค โดยมีปัญหาในการรักษาระดับแนวรับสำคัญที่ 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังไม่สามารถสร้างแรงซื้อกลับเข้ามาได้ ถึงแม้ข้อมูลเศรษฐกิจในตลาดที่อยู่อาศัยจะออกมาค่อนข้างอ่อนแอ นอกจากนี้ ตลาดทองยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่อาจไม่ลดลงเร็วอย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนชะลอการเข้าซื้อทอง และหันไปให้ความสนใจกับสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น สะท้อนให้เห็นจากการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นที่แกว่งตัวในกรอบจำกัด
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวยังเป็นบวกต่อราคาทอง ทั้งในแง่การสะสมทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรองของธนาคารกลาง ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก และเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง นักลงทุนที่ยังคงยึดถือทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจึงมีแนวโน้มจะช้อนซื้อทองเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาสู่บริเวณแนวรับสำคัญ เพื่อกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน แม้ว่าในระยะสั้นราคาทองอาจมีความผันผวนอยู่บ้าง ตามปัจจัยทั้งทางเศรษฐกิจ การเงิน และความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ปัจจุบันที่ $2,372 พบว่าราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงในช่วง 4-5 แท่งเทียนที่ผ่านมา โดยหลุดต่ำลงมาทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ EMA 12 ในระดับวันบริเวณ $2,375 แต่ยังสามารถพอจะยืนอยู่ได้ ซึ่งทำให้อาจยังคงรักษาแนวโน้มหลักในระยะกลางเป็นขาขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สัญญาณ Bearish Divergence บนเครื่องมือ RSI ในระดับวัน กำลังบ่งชี้ถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น ซึ่งอาจกดดันให้ราคาย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,346 ซึ่งหากแนวรับนี้ยืนได้ ราคาก็มีโอกาสดีดกลับขึ้นมาเพื่อทดสอบแนวต้านที่ $2,385 และ $2,400 อีกครั้ง
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตาคือ $2,346 ซึ่งเป็นแนวเส้น EMA 26 ในระดับวัน และถัดไปคือ $2,333 ซึ่งเป็น EMA 200 ระดับ 4 ชั่วโมง หากราคาหลุดแนวรับเหล่านี้โดยปิดต่ำกว่า EMA 200 อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวเป็นขาลงระยะสั้น
ส่วนแนวต้านด้านบนให้จับตาที่ $2,390 ซึ่งเป็นระดับแนวต้านก่อนหน้า และเป้าหมายถัดไปอยู่ที่แถวๆ $2,400 หากผ่านโซนต้านนี้ได้จะยืนยันการสานต่อแนวโน้มขาขึ้นต่อไป
สรุปแนวโน้มระยะสั้นของราคาทองคำ ยังคงมีความผันผวนและมีแรงขายเข้ามากดดัน แต่ถ้ายืนเหนือแนวรับระยะสั้นได้ ก็ยังมีโอกาสที่จะสามารถกลับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ ดังนั้นในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า แนะนำให้จับตาการป้องกันแนวรับที่ $2,346 และ $2,333 เป็นสำคัญ ขณะที่ฝั่งแนวต้านให้เน้นที่ $2,390 และ $2,400 ซึ่งเป็นระดับสำคัญที่จะกำหนดทิศทางระยะสั้นต่อไป
แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,374 / $2,346 / $2,333
แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,390 - $2,400
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน