วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 6 พ.ย. 2567

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ชาวอเมริกันทยอยเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการเลือกตั้งที่มีการแข่งขันที่เข้มข้นที่สุดในศตวรรษนี้ แม้ว่าตลาดจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งและสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

ทองคำ XAU/USD ซื้อขายที่ระดับ $2,743 หลังจากดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันที่ $2,724 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ชะลอตัวลง โดยเฉพาะพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่ทรงตัวที่ระดับ 4.289% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของสหรัฐฯ ซึ่งมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับราคาทองคำ เพิ่มขึ้น 5 basis points สู่ระดับ 2.00% ส่งผลให้การปรับตัวขึ้นของทองคำถูกจำกัด

นักลงทุนในตลาดยังคงยึดติดกับสินทรัพย์ปลอดภัยนอกเหนือจากดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองจากผลการเลือกตั้ง โดยทองคำ เงินเยน และฟรังก์สวิส ยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่ผลโพลส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันระหว่าง Kamala Harris จากพรรคเดโมแครต และ Donald Trump จากพรรครีพับลิกันยังคงคาดเดาได้ยาก

นักวิเคราะห์จาก Commerzbank ระบุว่า “หากผลการเลือกตั้งยังไม่แน่นอนเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ราคาทองคำจะได้รับประโยชน์จากความไม่แน่นอนดังกล่าว”

ผลสำรวจของ Reuters เมื่อวันจันทร์แสดงให้เห็นถึงความกังวลว่าสหรัฐฯ อาจเผชิญกับวิกฤตการเลือกตั้งเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นหลังจาก Trump พ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2020

ขณะที่ภายในวันพฤหัสบดี คาดว่า Federal Reserve (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 basis points สู่ระดับ 4.50%-4.75% ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผยว่าการขาดดุลการค้าขยายตัวในเดือนกันยายน ตามมาด้วยกิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ ที่แสดงสัญญาณผสม โดย S&P Global รายงานการลดลงของกิจกรรมภาคบริการในเดือนตุลาคม ในขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของ Institute for Supply Management (ISM) แสดงการปรับตัวดีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน

นักวิเคราะห์ชี้ทั้ง Trump และ Harris ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ แต่ด้วยเหตุผลต่างกัน

หลังจากผ่านการหาเสียง การทำโพล การโต้วาที และการคาดการณ์มาหลายเดือน วันเลือกตั้งก็มาถึง ชาวอเมริกันเดินทางไปใช้สิทธิเลือกระหว่างอดีตประธานาธิบดี Donald Trump และรองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน Kamala Harris

แม้ว่าทั้งสองผู้นำและพรรคของพวกเขาจะนำเสนอวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันสำหรับอนาคตของสหรัฐอเมริกา แต่ผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนในตลาดหลายรายเชื่อว่าในระยะสั้น ทั้งคู่มีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่จะกระตุ้นเงินเฟ้อและผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น

Bob Haberkorn ผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสจาก RJO Futures มองว่าทั้งสองฝ่ายจะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในระยะสั้น แต่เชื่อว่าการชนะของ Harris จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำมากที่สุด เนื่องจากเธอจะสานต่อนโยบายของ Biden และเฟด ในปัจจุบัน Harris จะไม่ตัดการใช้จ่ายของรัฐบาล และพยายามผลักดันการขึ้นภาษีเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าเธออาจจะไม่มีเสียงเพียงพอในรัฐสภาก็ตาม

Darin Newsom นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสจาก Barchart.com เห็นด้วยว่าทั้ง Trump และ Harris จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อไป แต่เชื่อว่านโยบายของ Trump จะทำให้นักลงทุนหันไปพึ่งพาทองคำมากขึ้น “ทั้งสองฝ่ายจะใช้จ่ายเงินราวกับว่ามันงอกเงยบนต้นไม้ เราทราบดี พวกเขามีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญที่ควรใช้จ่ายเงิน ซึ่งจะเป็นไปตามแนวทางของพรรค”

นโยบายการค้าระหว่างประเทศ - จุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ

นโยบายการค้าระหว่างประเทศเป็นประเด็นที่ผู้สมัครทั้งสองมีความแตกต่างกันมากที่สุด และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการคาดการณ์เงินเฟ้อและราคาทองคำ

Newsom อธิบายว่าสิ่งที่สำคัญคือ ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนการค้าเสรีและมุมมองระดับโลก ในขณะที่อีกฝ่ายต่อต้านการค้าเสรีและสนับสนุนการแยกตัว ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเงินเฟ้อ เพราะต้นทุนการนำเข้าและส่งออกสินค้าจะสูงขึ้น คู่ค้าจะสนใจสินค้าของเราน้อยลงเมื่อมีสงครามการค้าและการเก็บภาษีศุลกากร

Haberkorn เห็นด้วยว่าการขู่เก็บภาษีศุลกากรของ Trump จะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น “ภาษีศุลกากรทำให้เกิดเงินเฟ้อ ถ้าเขาผ่านมาตรการนี้ได้ หากเราเก็บภาษีศุลกากรจากยุโรปหรือประเทศใดก็ตาม มันจะทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น และเขากำลังวางแผนที่จะใช้ภาษีศุลกากรเป็นรูปแบบของภาษี แทบจะแทนที่ภาษีเงินได้ด้วยภาษีศุลกากร คล้ายกับวิธีที่รัฐบาลดำเนินการก่อนปี 1916 หรือ 1917 ปัญหาคือการใช้จ่ายของรัฐบาลในปัจจุบันมากกว่าสมัยนั้นมาก”

มุมมองระยะยาวต่อราคาทองคำภายใต้การนำของทั้งสองผู้สมัคร

Haberkorn กล่าวว่า “หาก Harris ชนะ หลังจากครึ่งปีแรก ราคาทองคำจะยังคงซื้อขายสูงขึ้น แต่กับ Trump อาจจะแตกต่างออกไป เขาอาจจะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถทำการตัดลดงบประมาณภาครัฐได้มากขึ้น ถ้า Trump อายุน้อยกว่านี้และอยู่ในวงการนานกว่านี้ คุณอาจจะได้เห็นสิ่งที่เราเคยเห็นในอดีต พวกเขาพูดถึงการตัดงบประมาณ แต่ไม่ได้ทำจริง พวกเขาตัดบางส่วนเพื่อพาดหัวข่าว แต่ไม่ได้ส่งผลมากนัก”

Newsom เชื่อว่าหาก Harris ชนะ แรงหนุนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังราคาทองคำตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนจะยังคงดำเนินต่อไปตลอดวาระ “ความจริงแล้ว เขามองว่าทองคำจะได้รับการสนับสนุนภายใต้การบริหารของ Harris ด้วยเหตุผลที่ปัจจัยระดับโลกยังคงเดิมๆ และยังคงต้องการสร้างความวุ่นวายต่อไป ผมคิดว่าการบริหารของ Harris จะเดินตามแนวทางเดิมและต้องต่อสู้กับคู่ปรับเดิมๆ ตลอดสี่ปีข้างหน้า”

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ไม่ว่าผู้สมัครคนใดจะชนะเมื่อสถานการณ์สงบลง ทิศทางของราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น Haberkorn กล่าวว่า “ผมคิดว่าตอนนี้ทองคำอยู่ในตำแหน่งที่ดี ผมไม่คิดว่าในระยะสั้น หมายถึงในปีหน้า คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงมากนักจากจุดนี้”

นักวิเคราะห์คาดการณ์ราคาทองคำปี 2025-2026 - เป้าหมาย 3,000 ดอลลาร์ยังห่างไกล

ตลาดทองคำยังต้องดิ้นรนหากราคาต้องการจะทะลุระดับ $3,000 ในปี 2025 ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ตลาด

Bernard Dahdah นักวิเคราะห์โลหะมีค่าจาก Natixis กล่าวในรายงานคาดการณ์ราคาปี 2025 และ 2026 โดยคาดว่าราคาทองคำจะทรงตัวที่ระดับปัจจุบันตลอดสองปีข้างหน้า ในสถานการณ์พื้นฐาน เขาคาดว่าราคาทองคำจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ $2,725 ในปี 2025 และ $2,775 ในปี 2026

“ในมุมมองของเรา เราจะต้องการทั้งอุปสงค์จากตะวันตกควบคู่ไปกับการกลับมาอย่างแข็งแกร่งของผู้บริโภคจีนเพื่อผลักดันและรักษาระดับราคาให้อยู่เหนือ $3,000”

อย่างไรก็ตาม Dahdah กล่าวว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาเหมือนเดิม

“ในสถานการณ์ปัจจุบัน เราคิดว่าตลาดทองคำได้พิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 ไว้แล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยคาดการณ์อัตราสุดท้ายที่ 3% ในเดือนตุลาคม สำหรับปี 2026 เราคิดว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสิ้นสุดลง”

จากการวิเคราะห์กราฟราคาทองคำในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง พบว่าราคาปัจจุบันอยู่ที่ $2,739 โดยในช่วงที่ผ่านมาราคามีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากระดับสูงสุดที่ $2,790 หลังจากนั้นเข้าสู่ช่วงพักตัวในกรอบระหว่าง $2,727 - $2,758

เมื่อพิจารณาจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ พบว่าราคาปัจจุบันเคลื่อนตัวต่ำกว่าเส้น EMA 12 และ EMA 26 ซึ่งทั้งสองเส้นกำลังไขว้กันในทิศทางลงสะท้อนแรงกดดันขาลงในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ราคายังคงอยู่เหนือเส้น EMA 200 ที่ระดับ $2,671 บ่งชี้ว่าแนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้น

ดัชนี RSI ในขณะนี้ยังห่างจากเขต Oversold พอประมาณ จึงทำให้ยังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงอีกเช่นกัน

สำหรับแนวรับสำคัญแนวรับแรกอยู่ที่ $2,727 ตามด้วยแนวรับที่สองที่ $2,715 และแนวรับแข็งแกร่งที่ $2,685 ซึ่งใกล้กับเส้น EMA 200 ในส่วนของแนวต้านสำคัญ มีแนวต้านแรกที่ $2,739 ถัดมาคือแนวต้านที่ $2,758 และแนวต้านจุดสูงสุดที่ $2,790

คาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาน่าจะมีความผันผวนค่อนข้างมากจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ มีโอกาสที่ราคาจะแกว่งตัวในกรอบ $2,727 - $2,758 โดยมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ $2,758 หากผ่านได้อาจมีแรงซื้อเพิ่มขึ้นสู่แนวต้านถัดไป แต่หากหลุดแนวรับ $2,727 อาจเห็นการอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,715

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,727

• $2,715

• $2,685

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,739

• $2,758

• $2,775