วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 18 ส.ค. 2566

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >      

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $1,894 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $1,923.45

ราคาทองคำยังคงร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนในวันพฤหัสบดี เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และมุมมองที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

Ross Norman นักวิเคราะห์อิสระกล่าวว่า “ทองคำกำลังถูกพัดกระหน่ำด้วยพายุที่สมบูรณ์แบบ โดยมีปัจจัยลบหลายอย่างที่รุมเร้าในตัวมันเอง”

รายงานการประชุมประจำเดือนกรกฎาคมของ Fed ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ แสดงให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดย "ส่วนใหญ่" ยังคงให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับเงินเฟ้อมากกว่าความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ

ถึงแม้เงินดอลลาร์จะอ่อนตัวลง 0.1% จากจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม เนื่องจากความเสี่ยงจากภาวะถดถอยที่รับรู้ได้ลดลงเช่นกัน หลังจากยอดค้าปลีกและข้อมูลการสร้างที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่งของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อในต่างประเทศ และอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นยังส่งผลต่อทองคำแท่งที่ไม่ให้ผลตอบแทนอีกด้วย

“กล่าวโดยสรุป ตลาดทองคำสั่นคลอน” Norman กล่าว และเสริมว่า “การที่ Fed จะดำเนินการต่อไปด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนั้นไม่มีนัยสำคัญสำหรับทองคำเนื่องจากความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว”

นักลงทุนกำลังเดิมพันกับโอกาส 37% ที่ Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปี 2023 และโอกาส 58% ที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในช่วงที่เหลือของปี 2023 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เครื่องมือ CME FedWatch แสดงให้เห็น

Warren Venketas นักวิเคราะห์ของ DailyFX เขียนในหมายเหตุก่อนข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่มีกำหนดออกว่า “ตลาดกำลังมองหารอยแตกในตลาดแรงงานสหรัฐเพื่อแสดงแนวโน้มที่ชัดเจนในการเปลี่ยนแนวทาง และจนกว่าจะถึงเวลาดังกล่าว ทองคำแท่งอาจยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน”

ซึ่งหลังจากนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐกล่าวว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 11,000 รายเป็น 239,000 ราย ลดลงจากประมาณการฉบับแก้ไขของสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 248,000 ราย

ข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุดค่อนข้างสอดคล้องกับความคาดหวัง จากการคาดการณ์ร่วมกัน นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลงเหลือ 240,000 ราย

ทางด้านธนาคารกลางประจำภูมิภาคกล่าวว่าแนวโน้มธุรกิจการผลิตในเดือนสิงหาคมดีขึ้นมาก โดยไต่กลับเข้าสู่เขตขยายตัวเป็น 12 แห่ง เทียบกับ -13.5 ในเดือนกรกฎาคม ข้อมูลนี้เหนือความคาดหมายอย่างมาก เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์กำลังมองหาการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยสำหรับการอ่านค่า -10

เดือนสิงหาคมเป็นเดือนแรกที่ผลสำรวจออกมาในเชิงบวกหลังจากผ่านไป 11 เดือนติดต่อกันในแดนลบ

ส่วนประกอบของดัชนีถูกผสม ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่มีการปรับปรุงอย่างมากโดยเพิ่มขึ้นเป็น 16 จากการอ่านในเดือนกรกฎาคมที่ -15.9 ในขณะที่ดัชนีการจัดส่งก็กลับมาเป็นบวกเช่นกัน โดยดีขึ้นเป็น 5.7 จากการอ่านครั้งก่อนที่ -12.5

ในทางกลับกัน องค์ประกอบของตลาดแรงงานยังคงแย่ลง โดยดัชนีการจ้างงานลดลงเป็น -6.0 ลดลงจาก -1.0 ในเดือนกรกฎาคม

รายงานยังระบุถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าเป็นห่วงสำหรับสำหรับ Fed ดัชนีราคาจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 20.8 เพิ่มขึ้นจากการอ่านในเดือนกรกฎาคมที่ 9.5

“ตัวชี้วัดของการสำรวจสำหรับกิจกรรมทั่วไป คำสั่งซื้อใหม่ และการจัดส่งล้วนเป็นไปในเชิงบวกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022” Philly Fed เขียนในรายงาน “ดัชนีราคายังคงอยู่ใกล้ค่าเฉลี่ยระยะยาว ความคาดหวังสำหรับการเติบโตในอีกหกเดือนข้างหน้านั้นไม่ค่อยแพร่หลาย เนื่องจากดัชนีในอนาคตของการสำรวจส่วนใหญ่ยังคงเป็นบวกแต่กลับลดลง”

ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากทางด้านจีน ซึ่งนักวิเคราะห์จาก BMO Capital Markets กล่าวว่า แม้หลังจากซื้อทองคำจำนวน 126 ตันในปี 2023 แต่จีนก็ยังมีหนทางอีกยาวไกลในการสะสมทองคำสำรองอย่างเป็นทางการ

Rory Townsend และ Colin Hamilton กล่าวว่า “การวิเคราะห์ของเราชี้ให้เห็นว่าปริมาณทองคำสำรองในจีน ทั้งที่เป็นของเอกชนและของธนาคารกลางนั้นสูงกว่าความต้องการของผู้บริโภคต่อปีอย่างมีนัยสำคัญ และการซื้ออย่างเป็นทางการอาจบ่งบอกได้ อย่างไรก็ตาม จากภูมิหลังทางการเมืองและความกังวลเกี่ยวกับการครอบงำของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เรามองว่าการเพิ่มสุทธิเพิ่มเติมในการถือครองทองคำมีแนวโน้มสูง”

ปัจจุบัน ธนาคารประชาชนจีน (PBoC) มีทองคำสำรองมากเป็นอันดับ 7 ของโลกที่ 2,113.50 ตัน คิดเป็นประมาณ 3.8% ของปริมาณสำรองทั้งหมด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางกำลังมองหาการเพิ่มการถือครองทองคำเป็นอย่างน้อย 5% ของทุนสำรองทั้งหมด

“ที่ราคาทองคำในวันนี้ จะต้องมีการซื้อจาก PBoC เพิ่มเติมอีก 638 ตันเหนือการถือครองที่ระบุไว้ในปัจจุบัน” นักวิเคราะห์กล่าว

เมื่อเทียบกันแล้ว สหรัฐฯ มีทองคำสำรองมากที่สุดในโลกอยู่ที่ 8,133.50 ตัน คิดเป็น 68.2% ของปริมาณสำรองทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม BMO ตั้งข้อสังเกตว่าเป้าหมาย 5% อาจดูล้าสมัยไปเล็กน้อย เนื่องจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Towsend และ Hamilton กล่าวว่าเป้าหมายที่เป็นไปได้อีกประการหนึ่งอาจเป็นปริมาณเงิน M2 ของประเทศ ซึ่งจะหมายถึงปริมาณทองคำที่สูงขึ้นอย่างมาก

“ในสหรัฐ สต็อกเงิน M2 อยู่ที่ประมาณ 21 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ดังนั้น การถือครองทองคำอย่างเป็นทางการของสหรัฐจะเท่ากับ 2.4% ของมูลค่าสัมพัทธ์” นักวิเคราะห์กล่าว “หากการถือครองทองคำของ PBoC แสดงมูลค่าสัมพัทธ์เดียวกันกับสต็อกเงิน M2 ของจีน ปริมาณสำรองทองคำจะเพิ่มขึ้นเป็น 15,320 ตัน ซึ่งแสดงถึงการเพิ่มขึ้น 13,183 ตัน จากปริมาณสำรองอย่างเป็นทางการ”

อย่างไรก็ตาม BMO ยังระบุด้วยว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะระบุการถือครองทองคำที่แท้จริงของจีน พวกเขาชี้ให้เห็นว่าปริมาณสำรองส่วนตัวและเหนือพื้นดินของประเทศอาจอยู่ที่ประมาณ 24.4 ตัน

“จากการประมาณการความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกในปีที่แล้ว (1,136 ตัน) และรายงานการซื้อในสถิติของ IMF ประมาณ 65% ของทองคำที่เพิ่มเข้ามาไม่ได้รายงาน เป็นที่เชื่อกันว่าจีนและรัสเซียน่าจะเป็นสองประเทศที่โดดเด่นของความแตกต่างนี้” นักวิเคราะห์กล่าว

แม้ว่าภาพที่ชัดเจนของปริมาณสำรองทองคำของจีนอาจเป็นไปไม่ได้ แต่นักวิเคราะห์ของ BMO คาดว่า PBoC จะยังคงเป็นผู้ซื้อในระยะยาว แม้ว่าจะไม่มีการรายงานการซื้อเหล่านั้นก็ตาม นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่าอุปสงค์ของธนาคารกลางควรสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวของตลาดทองคำต่อไป และควรเริ่มดึงดูดนักลงทุนรายย่อยด้วย

“การซื้อของธนาคารกลางอาจไม่ได้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม การเพิ่มสุทธิที่มีโครงสร้างสูงขึ้นน่าจะช่วยกำหนดราคาพื้นให้สูงกว่าที่เห็นในอดีต นอกจากนี้ เรายังเห็นว่าการเพิ่มโดยธนาคารกลางได้ช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความสำคัญในระยะยาวของทองคำในฐานะสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกตั้งคำถามเมื่อสองปีที่แล้วมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ การซื้อของธนาคารกลางที่แข็งแกร่งจึงอาจเห็นความต้องการการลงทุนของรายย่อยที่เพิ่มขึ้นพร้อมกัน” พวกเขากล่าว

ขณะที่การประกาศรายงานการประชุม FOMC ในเดือนกรกฎาคมเมื่อวันก่อนได้จุดประกายให้เกิดการเทขายครั้งใหญ่ในพันธบัตรสหรัฐและธนบัตรที่ให้ผลตอบแทนในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011 อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้สหรัฐที่มีอายุยาว เช่น พันธบัตรอายุ 10 ปีและพันธบัตรอายุ 30 ปีขยับขึ้นระดับปิดสูงสุดในรอบหลายปี อัตราผลตอบแทนของคลังอายุ 10 ปีของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 4.9 จุดพื้นฐานจาก 4.258% เป็น 4.307% เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้ตราสารหนี้อายุ 10 ปีของสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 Gary Wagner จาก Gold Forecast ระบุ

แนวโน้มที่คล้ายกันสามารถเห็นได้ในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีระยะยาวซึ่งเพิ่มขึ้น 5.2 จุดพื้นฐาน อัตราผลตอบแทนปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 4.411% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนก่อนการเผยแพร่รายงานการประชุม FOMC เมื่อวานนี้ที่ 4.359% พันธบัตรอายุ 30 ปีอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2011

การเพิ่มขึ้นอย่างมากของตราสารหนี้ระยะยาวของสหรัฐสามารถเชื่อมโยงโดยตรงกับถ้อยแถลงที่เปิดเผยในรายงานการประชุม FOMC เดือนกรกฎาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่จะรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของ 0.25% ในปีนี้ ธนาคารกลางสหรัฐยังคงให้ความสำคัญกับการลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา และข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดบ่งชี้ว่าการเติบโตของจีดีพีที่แข็งแกร่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐมีความละติจูดมากขึ้นในการดำเนินการเชิงรุก เป้าหมายของ Fed ยังคงเป็นการลดอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลงสู่เป้าหมายที่ 2%

ภาพของราคาทองคำยังคงคล้ายกับวันก่อนหน้าซึ่งได้อยู่ในแนวโน้มขาลง ถึงแม้ราคาจะพยายามหาจุดแนวรับแต่ก็ยังไม่มั่นคง

ถึงแม้แนวโน้มภายในวันอย่างกราฟระดับ 4 ชั่วโมง จะพาให้ RSI เข้ามาสู่โซน Over Sold หรือขายมากเกินไป ซึ่งอาจจะทำให้ราคามีการขยับขึ้นได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ใช่สัญญาณของการกลับเข้าสู่ภาวะกระทิง

แนวต้านที่จะเป็นอุปสรรคภายในวันนี้จะอยู่ในช่วง $1,894 - $1,900 ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย EMA 12 และ 26 ของกราฟ 4 ชั่วโมง

ทางด้านของแนวรับหลักยังคงเป็นช่วงเส้น Trend Line ที่ในวันนี้จะอยู่บริเวณ $1,858 ซึ่งมีระยะห่างจากราคาปัจจุบันอยู่เกือบ $40 อย่างไรก็ตาม ในช่วง $40 นี้ ไม่ได้มีแนวรับที่ชัดเจนมากนักนอกเหนือจากบริเวณ $1,884 ที่ที่เป็นจุดต่ำสุดของเมื่อวาน แต่บริเวณดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นแนวรับที่สำคัญมากนัก จึงทำให้มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงต่อไปได้สูง

กราฟทองคำ ระดับ 4 ชั่วโมง

แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ  $1,884 และ $1,858

แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ  $1,894 - $1,900