วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 16 ส.ค. 2566

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >      

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $1,904 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $1,934.75

ราคาทองคำยังคงแกว่งตัวในวันอังคาร โดยได้ผลจากการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นต่อไปอีกนาน หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐออกมาและทำให้ราคาทองคำเข้าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงหลังจากทำระดับสูงสุดเกือบ 10 เดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 0.3%

เมื่อวันอังคาร ธนาคารกลางประจำภูมิภาคของสหรัฐฯ กล่าวว่าดัชนีภาวะธุรกิจทั่วไปของการสำรวจภาคการผลิตของ Empire State ลดลงมาอยู่ที่ -19 ในเดือนสิงหาคม ลดลงจากระดับ 1.1 ในเดือนกรกฎาคม ข้อมูลอ่อนแอกว่าที่คาดไว้มาก เนื่องจากการคาดการณ์ที่เป็นเอกฉันท์กำลังมองหาการลดลงถึง -0.9

รายงานระบุว่านี่เป็นกตัวเลขที่เป็นค่าลบครั้งแรกของการสำรวจนับตั้งแต่เดือนพ.ค.

รายงานเน้นจุดอ่อนในวงกว้างทั่วทั้งภาคส่วน ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ลดลงไปอยู่ที่ -19.9 ลดลงจากระดับ 3.3 ในเดือนกรกฎาคม ในขณะเดียวกัน ดัชนีการจัดส่งลดลงเป็น -12.3 ลดลงจากระดับ 13.4 ก่อนหน้านี้

รายงานยังระบุถึงความอ่อนแอในตลาดแรงงาน โดยดัชนีจำนวนพนักงานลดลงเป็น -1.4 ลดลงจากการอ่านในเดือนกรกฎาคมที่ 4.7

รายงานยังระบุถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลลบต่อทองคำ เนื่องจากกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐคงนโยบายการเงินที่แข็งกร้าว รายงานระบุว่า Price Paid Index เพิ่มขึ้นเป็น 25.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 16.7 ก่อนหน้านี้

ขณะที่รายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิถุนายน ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ฉันทามติของนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าตัวเลขพาดหัวของเดือนกรกฎาคมจะเพิ่มขึ้น 0.4%

ยอดขายหลักซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ เพิ่มขึ้นเต็ม 1% ในเดือนที่แล้ว เหนือความคาดหมายของตลาดที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.4% กลุ่มควบคุมของรายงานซึ่งไม่รวมรถยนต์ ก๊าซ วัสดุก่อสร้าง และบริการด้านอาหาร ก็เหนือความคาดหมายของตลาด โดยเพิ่มขึ้น 1% เทียบกับที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%

นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics กล่าวว่า ความยืดหยุ่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับธนาคารกลางสหรัฐ ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มลดลง

“ยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนกรกฎาคม บ่งชี้ว่านโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นยังคงมีผลกระทบน้อยมากต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แท้จริง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Fed เมื่อหลักฐานยังคงบ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงจางหายไปอย่างรวดเร็ว”

“เป็นที่ยอมรับว่ามีหลักฐานบางอย่างของการใช้จ่ายด้านสินค้าคงทนของผู้บริโภคที่กลับมาอ่อนแออีกครั้ง โดยยอดขายยานยนต์ลดลง 0.3% ลบ.ม. ยอดขายเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้านลดลง 1.8% และการใช้จ่ายในร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลง 1.3% แต่นั่นก็ถูกกลบด้วยความแข็งแกร่งในวงกว้างในภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งนำโดยยอดขายสินค้ากีฬาที่เพิ่มขึ้น 1.5% และผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น 1.9%”

“ด้วยการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลัง ซึ่งเน้นย้ำว่าผลกระทบทั้งหมดจากการคุมเข้มของ Fed ยังคงดำเนินต่อไป และการเติบโตของการจ้างงานก็ชะลอตัวลงค่อนข้างมาก เรายังคิดว่าการเติบโตของจีดีพีจะตกต่ำอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี” พวกเขาสรุป “แต่ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงลดลงอย่างรวดเร็ว การเติบโตที่ยืดหยุ่นจะไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก”

Edward Moya นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของอเมริกาที่ OANDA กล่าวว่า “รายงานยอดค้าปลีกเป็นรายที่น่าประทับใจอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไม่ได้อ่อนแอลง และนั่นจะบีบให้ Fed ต้องรักษาโอกาสในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่านี้"

“1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นระดับสำคัญสำหรับนักลงุทนจำนวนมาก และเราสามารถเห็นแนวรับที่สำคัญบางอย่างในระดับนี้สำหรับราคาทองคำ”

ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจของจีนที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าผิดหวัง และนั่นเป็นผลลบสำหรับทองคำ เนื่องจากมันบ่งบอกถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอจากจีน รายงานการเติบโตที่ช้าลงของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภค สำนักงานสถิติแห่งชาติกล่าวว่าอุปสงค์ภายในประเทศยังคง “ไม่เพียงพอ” และ “รากฐานการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงต้องได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง” ตามรายงานของ Bloomberg 

ธนาคารกลางของจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลา 1 ปีลง 0.15% เป็น 2.50% ตามการคาดการณ์ของตลาด นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังจากปรับลด 0.10% ในเดือนมิถุนายน ข้อมูลอื่น ๆ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกชะลอตัว การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในจีนยังคงตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จีนยังกล่าวอีกว่าพวกเขาจะหยุดเผยแพร่ตัวเลขการว่างงานของเยาวชนชั่วคราวเพื่อทบทวนวิธีการหลังจากที่มาตรการดังกล่าวพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 21% ตามรายงานของ Financial Times

ในขณะเดียวกัน รัสเซียได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมฉุกเฉินเพื่อพยุงเศรษฐกิจรัสเซียที่ขาดรุ่งริ่งและสกุลเงินที่อ่อนค่าลงอย่างรูเบิล ซึ่งรัสเซียขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลัก จาก 8.5% เป็น 12% ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นถึง 3.5% ในครั้งเดียว

Garyy Wagner จาก The Gold Forecast ระบุว่าใคร ๆ ก็คาดหวังว่ารายงานล่าสุดของรัฐบาลเกี่ยวกับยอดค้าปลีก ที่เปิดเผยว่าเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนกรกฎาคมจะสร้างปฏิกิริยาเชิงบวกในตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตาม มันให้ผลตรงกันข้ามกับดัชนีหลักทั้งสามที่ลดลง นี่เป็นเพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐมีพื้นที่มากขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ในขณะที่พวกเขาพยายามลดอัตราเงินเฟ้อลงไปสู่เป้าหมายที่ 2%

วันนี้ Neel Kashkari ประธาน Fed ประจำ Minneapolis ได้ตอกย้ำแนวคิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปีนี้ โดยเขากล่าวว่า Fed “ยังไม่พร้อมที่จะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูง” Kashkari แสดงความคิดเห็นดังกล่าวในการอภิปรายระหว่างการประชุม Global Controllers Conference ของ API Group นอกจากนี้เขายังเสริมว่า “อัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง เรามีความคืบหน้าและเป็นความคืบหน้าที่ดี ซึ่งเขารู้สึกดีกับสิ่งนั้น แต่อัตรามันยังสูงเกินไป”

ตามบทความใน MarketWatch “Kashkari ซึ่งเป็นสมาชิกที่ลงคะแนนเสียงของคณะกรรมการอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้กล่าวว่า จากสัญญาณเชิงบวกล่าสุดเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ Fed อาจใช้เวลาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจที่จะทำมากขึ้น Fed ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ที่ประมาณ 4%”

ขณะที่ตลาดกำลังเฝ้ารอที่จะได้รับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการคิดภายในของสมาชิกธนาคารกลางสหรัฐซึ่งจะมีกำหนดออกในวันพรุ้งนี้ เมื่อมีการเผยแพร่รายงานการประชุม FOMC ของเดือนที่แล้ว Federal Reserve Bank of Atlanta เปิดเผยตัวเลขประมาณการล่าสุดของการเติบโตของ GDP ที่ 5% ในวันนี้ Atlanta Fed ใช้ระบบการสร้างแบบจำลองที่พวกเขาพัฒนาขึ้นซึ่งเรียกว่า GDPNow ซึ่งอิงจากการใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่มีอยู่สำหรับไตรมาสที่วัดผลในปัจจุบัน

ความจริงก็คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ จะทำให้เกิดภาวะขาลงมากขึ้นสำหรับทองคำ ซึ่งเห็นได้จากการลดลงอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำในปัจจุบัน ทองคำปรับตัวลงในช่วงเจ็ดวันทำการติดต่อกัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม

ราคาทองคำยังคงพยายามทรงตัวอยู่เหนือแนวรับสำคัญ ในวันที่ผ่านมาราคามีการลงไปทดสอบ Fibonacci ลำดับถัดไปที่บริเวณ $1,897 ซี่งราคาก็ได้มีการดีดตัวกลับขึ้นมาทันที แสดงถึงความแข็งแกร่งในช่วงราคา $1,900

สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังต่อจากนี้ และเป็นจุดสำคัญคือบริเวณ $1,890 

ปัจจุบันราคาอาจจะมีความผันผวนอยู่ที่บริเวณ $1,900 แต่บริเวณ $1,890 เป็นจุดสำคัญ เนื่องจากเป็นจุดต่ำที่สุดของราคาเมื่อเดือนก่อน ซึ่งหากราคาทะลุบริเวณนี้จะเป็นการสร้าง Lower Low และจะตามมาด้วยแรงขายทางเทคนิคเพิ่มเติม ทำให้แนวรับในวันนี้อยู่ในช่วง $1,900 - $1,890

ส่วนทางด้านแนวต้านจะเป็นบริเวร MA200 ที่ราคากำลังเกาะอยู่ ซึ่งในวันนี้จะอยู่ในช่วง $1,906 ก่อนที่จะกลับไปชนกับแนว Fibonacci ที่บริเวณ $1,913

กราฟทองคำ ระดับ 4 ชั่วโมง

- แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ  $1,900 - $1,890

- แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ  $1,906 - $1,913