วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 9 ต.ค. 2566

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >      

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $1,851 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $1,865.45

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้เมื่อวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากราคาปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องมากว่าเก้าวัน แม้ว่าข้อมูลการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งจะทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อีกครั้ง แต่ยังคงกดดันให้ทองคำแท่งยังเจอกับการลดลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน

สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐระบุว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 336,000 ในเดือนกันยายน ตัวเลขรายเดือนสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 171,000 รายการอย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขการจ้างงานเดือนสิงหาคมและกรกฎาคมได้ถูกปรับให้สูงขึ้นเช่นกัน การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมได้รับการแก้ไขเป็น 227,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากประมาณการเบื้องต้นที่ 187,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ตัวเลขเดือนกรกฎาคมได้รับการแก้ไขเป็น 236,000 ราย เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 157,000 ราย

ความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่องในตลาดแรงงานสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่สนับสนุนจุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐในการรักษาอัตราดอกเบี้ยให้เข้มงวดในอนาคตอันใกล้ ซึ่งผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นและมีส่งผลกระทบต่อทองคำ

แม้ว่าจำนวนการจ้างงานทั่วไปจะดีกว่าที่คาดไว้มาก แต่รายงานยังระบุถึงความอ่อนแอที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงานอีกด้วย รายงานระบุว่าอัตราการว่างงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 3.8% ซึ่งผิดคาดเล็กน้อยเพราะนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงเหลือ 3.7%

แม้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าจะไม่บังคับให้ธนาคารกลางสหรัฐคงจุดยืนนโยบายการเงินเชิงรุก ซึ่งอาจช่วยบรรเทาแรงกดดันในตลาดทองคำได้บ้าง

“โดยรวม รายงานระบุว่าตลาดแรงงานกำลังเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย หากเงินเดือนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Fed ก็อาจถูกกดดันให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป” Paul Ashworth หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Capital Economics กล่าว “ดังที่กล่าวไว้ เนื่องจากการเติบโตของค่าจ้างและอัตราเงินเฟ้อราคาลดลงอย่างรวดเร็ว และการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนระยะยาวที่กระตุ้นให้เกิดภาวะทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น เรายังคงคิดว่า Fed จะดำเนินการก้าวต่อไปแล้ว”

สัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นสัปดาห์ที่ยากลำบากสำหรับทองคำ เนื่องจากตลาดมีการปรับตัวลงในระดับรายวันยาวนานที่สุดในรอบ 7 ปี โดยราคาอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม

แม้ว่าราคาทองคำจะยังคงลดลงได้อีกในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าอาจมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะโลหะมีค่าสามารถที่จะสิ้นสุดนศุกร์ด้วยการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และยุติการลดลงที่ดำเนินติดต่อกันเก้าวัน

การเพิ่มขึ้นในวันศุกร์เกิดขึ้นหลังจากที่ราคาทองคำร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน หลังจากที่ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ สร้างงานได้ 336,000 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว ซึ่งเกินความคาดหมายของตลาดอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ตามที่นักวิเคราะห์บางคนระบุว่า การเติบโตของค่าจ้างที่น่าผิดหวังและอัตราการว่างงานที่ไม่เปลี่ยนแปลงทำให้ธนาคารกลางสหรัฐมีทางเลือกที่จะคงอัตราไว้เท่าเดิมในเดือนหน้า

Michael Moor ผู้ก่อตั้ง Moor Analytics กล่าวว่าในขณะที่ตลาดทองคำยังคงอยู่ในการปรับฐานแในตลาดหมี แต่ก็กำลังทดสอบระดับการอ่อนตัวลงที่สำคัญ ซึ่งอาจกระตุ้นให้นักลงทุนบางรายตรวจสอบศักยภาพขาขึ้นของตลาด

เขาเสริมว่าวิธีหนึ่งในการจัดการที่มีศักยภาพคือการมีสัญญาระยะยาวสองฉบับ ซึ่งอาจจะมีปิดสัญญาใดสัญญาหนึ่งเมื่อการซื้อขายมีกำไรและปล่อยให้อีกสัญญางหนึ่งดำเนินต่อไป

Moor เสริมว่าราคานอกจากระดับราคาที่ต่ำกว่า 1,826 ดอลลาร์แล้ว เขามองเห็นระดับที่สำคัญอีกระดับที่ประมาณ 1,796 ดอลลาร์

“หากระดับนั้นยังคงอยู่และเราเห็นการฟื้นตัว มันอาจเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของโครงสร้างกระทิงระยะยาวครั้งใหม่” เขากล่าว “ปัจจุบันเราอยู่ในภาวะหมีในตลาดทองคำ ทางเทคนิคทั้งหมด ทุกอย่างชี้ต่ำลง แต่ปัจจัยทุกอย่างกำลังทดสอบตลาด”

ในเวลาเดียวกัน นักวิเคราะห์จำนวนมากยังคงเป็นเฝ้ามองท่าทีของทองคำในขณะที่พวกเขารอดูว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะถึงจุดสูงสุดหรือไม่

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่สูงขึ้นยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนราคาทองคำที่ใหญ่ที่สุด การขายทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดขึ้นเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 30 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีที่ 4.8%

นักวิเคราะห์ตราสารหนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้รับแรงผลักดันจากความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ อาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเสร็จแล้ว แต่ก็ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในขอบเขตจำกัดในอนาคตอันใกล้

แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังมีช่องว่างที่จะขยับสูงขึ้นได้ โดยนักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าธนบัตรอายุ 10 ปีจะแตะระดับ 5% แต่บางคนก็บอกว่าถึงจุดสูงสุดแล้ว

“ผมคิดว่าค่อนข้างชัดเจนว่าด้วยตัวเลขการจ้างงานล่าสุด ตัวเลขนี้จะดีพกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ” Edward Moya นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าว “เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่บริษัทในอเมริกาจะเริ่มต่อสู้ดิ้นรน เมื่อคำนึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดตราสารหนี้”

Moya กล่าวว่าผู้บริโภคยังรู้สึกถึงน้ำหนักของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากหนี้บัตรเครดิตยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“เศรษฐกิจหลายส่วนกำลังจะสำลักเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น” เขากล่าว

นักวิเคราะห์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าการเพิ่มขึ้นของพันธบัตรระยะยาวซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอีกตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย

ในขณะที่หลายคนยังคงมองว่าการขายออกในตลาดตราสารหนี้ยังคงเป็นไปอย่างเป็นระเบียบ แต่คนอื่นๆ กล่าวว่าอาจต้องใช้เวลามากในการสร้างวิกฤติที่คล้ายคลึงกับที่เกิดขึ้นในตลาดตราสารหนี้ของอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว

“การขายพันธบัตรรัฐบาลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาทำให้เกิดคำถามที่ไม่สบายใจเกี่ยวกับความเสี่ยงของความไม่มั่นคงทางการเงินและแนวโน้มนโยบายการคลัง” Jonas Goltermann รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์การตลาดของ Capital Economics กล่าวเมื่อวันศุกร์ “ความเร็วที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากอาจส่งผลให้การทำงานของตลาดบกพร่อง และเสริมกำลังวงจรการบังคับขา ส่งผลให้ราคาพันธบัตรลดลงและมีความผันผวนสูงขึ้น ความล้มเหลวสองครั้งล่าสุดในตลาดพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ การล่มสลายในเดือนมีนาคม 2020 และวิกฤต LDI ของสหราชอาณาจักรในช่วงวิกฤตการณ์ Trussonomics ในปี 2022 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำงานของตลาดที่จะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่กตลาดสินทรัพย์อื่น ๆ”

แม้ว่าความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น แต่ยังมีข้อสังเกตอีกว่าความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ยังคงต่ำกว่าระดับที่เห็นเมื่อปีที่แล้วในสหราชอาณาจักร

Moya กล่าวว่าข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้อาจช่วยสนับสนุนทองคำในระยะสั้นได้ เขาอธิบายว่าการอ่านค่าเงินเฟ้อที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยอาจเพิ่มความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเสร็จแล้ว ซึ่งน่าจะช่วยลดแรงกดดันต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้บ้าง

แม้ว่า Moya มองเห็นศักยภาพที่ราคาทองคำจะลดลงเหลือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ความเสี่ยงด้านตลาดที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ราคาปัจจุบันเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ

“ในระยะสั้น ผมคิดว่าทองคำน่าซื้อตอนนี้ แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะสูงขึ้นก็ตาม” เขากล่าว “ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่มากมายมหาศาลและไม่แน่นอน จะเป็นปัจจัยเสริมตลาดกระทิงเพิ่มขึ้นมากมายสำหรับทองคำ”

ทางด้าน Mike McGlone นักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโสของ Bloomberg Intelligence กล่าวว่า แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะมีโมเมนตัมที่จะสูงขึ้น แต่เขาเชื่อว่านี่คือช่วงสุดท้ายของตลาด

“ผมรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 กำลังก่อตัวขึ้นเหมือนกับปี 1987 ที่ราคาพันธบัตรทรุดตัวลงก่อนที่ตลาดหุ้นจะพังทลาย และในปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำมันดิบพุ่งถึงจุดสูงสุด” เขากล่าว “ในปี 2008 ทองคำขยับจากประมาณ 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็น 700 ดอลลาร์ ก่อนที่จะพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในปี 2011 ที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ และดูว่ามันจะมีความคล้ายคลึงกัน”

ความเชื่อมั่นในตลาดทองคำดูค่อนข้างทรงตัว อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือตลาดทองคำยังคงมีความแข็งแกร่งแม้ว่าจะมีการขายอย่างต่อเนื่องในครั้งล่าสุดก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนชี้ให้เห็นว่าถึงแม้จะมีการขายออกในตลาดตราสารหนี้ แต่แบบจำลองต่างๆ ก็แนะนำว่าราคาทองคำอาจจะต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์

“ความสัมพันธ์ที่อ่อนแอของทองคำกับอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการพังทลายของค่าเงินดอลลาร์ระหว่างประเทศที่น่าดึงดูดใจ” เขากล่าว “ทองคำเป็นวิธีเดียวที่ธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่สามารถให้อิสรภาพแก่พวกเขาจากความวุ่นวายทางการเงินที่เป็นผลมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐ”

จากข้อมูลของสภาทองคำโลก ธนาคารกลางซื้อทองคำ 77 ตันในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 38% จากการซื้อในเดือนกรกฎาคม และธนาคารกลางได้ซื้อทองคำ 219 ตันในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา

“การซื้อครั้งล่าสุดนี้ชี้ให้เห็นว่าเราได้เคลื่อนตัวผ่านยอดขายสุทธิอย่างมั่นคงที่เราเห็นในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ซึ่งได้รับแรงผลักดันหลักจากการขายจำนวนมากและไม่มีกลยุทธ์จากตุรกี” Krishan Gopaul นักวิเคราะห์อาวุโสของ WGC กล่าวในรายงาน “ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่าแนวโน้มระยะยาวของอุปสงค์ของธนาคารกลางที่แข็งแกร่งยังคงอยู่”

ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาเจอกับแนว Trend Line ขาลงขนาดใหญ่ พร้อมทั้งยังพาให้ RSI ลงมาสู่โซนของการขายมากเกินไปหรือ Oversold ซึ่งในทางเทคนิคจึงทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ในวันศุกร์ที่ผ่านมาแต่ยังคงไม่ใช่สัญญาณของการกลับตัว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาสัปดาห์นี้ ราคาทองคำมีโอกาสขยับขึ้นได้เล็กน้อย โดยมีแนวต้านที่รออยู่คือบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA 12 ในระดับวัน ซึ่งอยู่ในช่วงราคา $1,855 ก่อนที่จะเจอกับแนวต้านถัดไปที่บริเวณ EMA 26 ที่ $1,882

แต่อย่างที่กล่าวว่าการปรับตัวขึ้นยังคงไม่ใช่แนวโน้มการกลับตัว ทำให้มีโอกาสที่ราคาจะยังคงปรับตัวลดลงได้ต่อ

แนวรับบริเวณ Trend Line  ยังมีโอกาสถูกทดสอบได้สูง แต่เมื่อพิจารณาด้วย Fibnacci แล้ว เราจะเห็นเป้าหมายการลงลำดับแรกอยู่ที่ 61.8% เช่นเดิม ซึ่งจะอยู่ที่บริเวณราคา $1,792

กราฟทองคำ ระดับ 1 วัน

แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $1,825 - $1,813

แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $1,847 - $1,856 และ $1,882