วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 13 พ.ย. 2567

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลางเดือนกันยายน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนตามดัชนี US Dollar Index (DXY) ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น

นักลงทุนทั่วโลกยังคงจับตาความเคลื่อนไหวหลังชัยชนะของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump โดยเฉพาะการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการผลักดันนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษี การกำหนดภาษีนำเข้า และการต่อต้านการเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยล่าสุดมีการประกาศแต่งตั้ง Mike Waltz เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และ Marco Rubio เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งสอง เป็นที่รู้จักในจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีน ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจมีการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าในอนาคตอันใกล้

ขณะที่กองทุน ETF ทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง SPDR Gold Shares (GLD) บันทึกการไหลออกของเงินลงทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการไหลออกรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2022 ตามข้อมูลจาก Bloomberg การถือครองทองคำในกองทุน ETF โดยรวมลดลง 0.4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง ขณะที่ราคาทองคำในตลาด Spot ปรับตัวลดลง 1.9%

ตลาดคาดการณ์ Fed ชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

นักลงทุนในตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) จะเข้มงวดมากขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางหรือ Terminal Rate ถูกปรับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 3.99% ตามข้อมูล Fed Funds Rate Futures จาก Chicago Board of Trade (CBOT) ขณะที่เครื่องมือ CME FedWatch Tool แสดงให้เห็นว่าโอกาสที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธันวาคม 2024 ลดลงจาก 65% เหลือ 58% และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

การปรับลดคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยนี้สอดคล้องกับความเห็นของเจ้าหน้าที่ Fed หลายคนที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อ Thomas Barkin ประธาน Fed สาขา Richmond กล่าวว่าเงินเฟ้ออาจกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมหรืออาจมีความเสี่ยงที่จะติดอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ของ Fed ขณะที่ Neel Kashkari ประธาน Fed สาขา Minneapolis เสริมว่า หากเงินเฟ้อส่งสัญญาณที่น่ากังวลระหว่างนี้จนถึงเดือนธันวาคม อาจทำให้ Fed ต้องทบทวนจุดยืน

World Gold Council เผยกระแสเงินไหลออกจากกองทุน ETF ทองคำพุ่ง กดดันราคาในระยะสั้น

รายงานประจำเดือนพฤศจิกายน 2024 ของ World Gold Council (WGC) ระบุว่าสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนอย่างทองคำสะสมผลขาดทุนอันเนื่องมาจากการไหลออกของเงินลงทุนจากกองทุน ETF ทองคำ โดยในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน กองทุน ETF ทองคำทั่วโลกมีเงินไหลออกประมาณ 809 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (12 ตัน) ส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคอเมริกาเหนือ แม้จะมีเงินไหลเข้าอย่างแข็งแกร่งจากเอเชียมาชดเชยบางส่วน

ตามแบบจำลอง Gold Return Attribution Model (GRAM) ของ WGC ราคาทองคำถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและปัจจัยด้านโมเมนตัม รวมถึงราคาทองคำที่ชะลอตัวลง การไหลออกจากกองทุน ETF ทองคำซึ่งเพิ่งผ่านเดือนที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ และการลดลงของสถานะ Net Long ใน COMEX ซึ่งสะท้อนถึงการยกเลิกการป้องกันความเสี่ยงก่อนการเลือกตั้ง

นักวิเคราะห์ของ WGC ระบุว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่แข็งแกร่งตั้งแต่ต้นปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการแข็งค่าต่อเนื่องของผลตอบแทนพันธบัตรและดอลลาร์สหรัฐ ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้น การเติบโตของคริปโตเคอร์เรนซี และการผ่อนคลายของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

นักวิเคราะห์เชื่อว่าการตอบสนองในเชิงลบของราคาทองคำต่อผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ และการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของผลตอบแทนพันธบัตรและดอลลาร์สหรัฐเป็นเพียงปรากฏการณ์ระยะสั้น ปัจจัยขับเคลื่อนอื่นๆ รวมถึงความเสี่ยงด้านการคว่ำบาตรที่ลดลง ความเชื่อมั่นที่กลับมาในตลาดหุ้นและคริปโตเคอเรนซี อาจบดบังความกังวลพื้นฐานที่สำคัญกว่า เช่น โลกที่การกีดกันทางการค้ามีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น และความขัดแย้งปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณบรรเทาลง รวมถึงตลาดหุ้นมีการกระจุกตัวสูงและมีมูลค่าแพงในช่วงท้ายของวัฏจักรธุรกิจ คริปโตเคอเรนซียังคงเป็นเพียงทางเลือกรองและไม่สามารถทดแทนทองคำได้ และนักลงทุนตะวันตกยังไม่ได้เพิ่มการลงทุนในทองคำมากนักในปีนี้ นอกเหนือจากตลาดฟิวเจอร์ส จึงไม่น่าจะมีแรงขายจำนวนมากรออยู่

นักวิเคราะห์คาดการณ์อนาคตตลาดทองคำยังสดใส แม้เผชิญแรงกดดันระยะสั้น

Darin Newsom นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Barchart.com เชื่อว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำในปัจจุบันเป็นเพียงการปรับฐานในระยะสั้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวที่ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ยังคงอยู่ โดยเขาอ้างถึงคำพูดของ Mark Twain ว่า “รายงานการตายของตลาดทองคำเป็นการกล่าวเกินจริง”

จากมุมมองทางเทคนิค Newsom ชี้ว่าสัญญาทองคำเดือนธันวาคมกำลังจะสิ้นสุดการปรับฐานระยะสั้นในกราฟรายวัน โดยราคาได้ถูกผลักดันให้สูงขึ้นเป็นเวลาหลายเดือนเนื่องจากความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และความคาดหวังเกี่ยวกับความวุ่นวายจากผู้เล่นสำคัญระดับโลกที่พยายามมีอิทธิพลต่อผลการเลือกตั้ง นักลงทุนระยะยาวซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนหลายภาคส่วน โดยเฉพาะตลาดหุ้น

เมื่อความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งผ่เมื่อความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งผ่านพ้นไป และมีแนวโน้มที่จะมีท่าทีประนีประนอมต่อประเทศคู่แข่งทางการค้ามากขึ้นเมื่อเข้าสู่ปี 2025 นักลงทุนระยะยาวจึงทยอยปลดสถานะป้องกันความเสี่ยงออกบางส่วน Newsom ชี้ให้เห็นว่าปริมาณการซื้อขายรวม (Total Open Interest) พุ่งสูงสุดที่ 584,500 สัญญาในวันที่ 30 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สัญญาทองคำเดือนธันวาคมปิดที่ระดับสูงสุด 2,800.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ล่าสุดปริมาณการซื้อขายรวมอยู่ที่ 540,000 สัญญา เมื่อราคาปิดที่ 2,617.70 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม Newsom เชื่อว่าสัญญาเดือนธันวาคมอาจเห็นการกลับตัวขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยตัวชี้วัดโมเมนตัมรายวัน (Daily Stochastics) ได้ลดลงต่ำกว่าระดับ Oversold ที่ 20% พร้อมที่จะเกิด Bullish Crossover ซึ่งจะส่งสัญญาณการเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้นรอบใหม่ นอกจากนี้ค่าความผันผวนแฝง (Implied Volatility) ได้ลดลงมาใกล้ 14% ซึ่งอาจดึงดูดให้นักเทรดออปชั่นเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดมากขึ้น

มองในระยะยาว Newsom กล่าวว่าแม้แนวโน้มระยะกลางในกราฟรายสัปดาห์ของสัญญาเดือนธันวาคมจะปรับตัวลง อันเป็นผลมาจากแรงกดดันจากนักลงทุนทั้งฝั่งการลงทุนและการป้องกันความเสี่ยง แต่ดัชนี S&P 500 ยังคงแสดงสัญญาณการกลับตัวลงในระยะยาวที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคม แม้จะมีการทำจุดสูงสุดใหม่ในต้นเดือนพฤศจิกายมก็ตาม นี่หมายความว่าเมื่อความตื่นเต้น/ความวิตกกังวลจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ จางลง ตลาดอาจกลับไปสู่รูปแบบเดิม

ราคาทองคำในกรอบ 4 ชั่วโมงแสดงให้เห็นแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน โดยราคาหลุดต่ำกว่า $2,600 ในวันที่ผ่านมา ทำให้ระดับ Fibonacci ก่อนหน้านี้ถูกทำลายไป ก่อนที่ราคาจะดีดตัวกลับขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงเช้าวันนี้

การวิเคราะห์เชิงเทคนิคพบว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้ง EMA 12, 26 และ 200 แสดงสัญญาณขาลงอย่างชัดเจน อีกทั้งภาพในกราฟรายวัน เส้น EMA 12 ก็กำลังตัดลงใต้เส้น EMA 26 ซึ่งเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงในระยะกลาง

ที่น่าสนใจคือการเกิด Divergence บน RSI ระดับ 4 ชั่วโมง ในขณะที่ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ค่า RSI กลับทำจุดสูงสุดที่สูงกว่าครั้งก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าราคาอาจมีการดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในเร็ววันนี้

ในด้านแนวรับสำคัญ ระดับแรกอยู่ที่ $2,602 ตามด้วย $2,589 และ $2,568 ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ $2,623 ตามด้วย $2,642 และ $2,673

การคาดการณ์ใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านแรกที่ $2,623 ได้ มีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ $2,589 นักลงทุนควรติดตามการทดสอบแนวรับนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากราคาหลุดแนวรับนี้ไป อาจเห็นการปรับตัวลงต่อเนื่องสู่แนวรับถัดไป ในทางกลับกัน หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับได้ อาจเห็นการฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ $2,623 อีกครั้ง

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,602

• $2,589

• $2,568

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $2,623

• $2,642

• $2,673