วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 7 มิ.ย. 2567

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ทองคำทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ที่ $2,380 หลังจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (US Bureau of Labor Statistics: BLS) เปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าคาด ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ โดยราคาปรับตัวขึ้น 0.54% เป็นการดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ที่ $2,320
ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนหลัก หลังจาก BLS เปิดเผยว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้และสูงกว่าตัวเลขสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) ยังมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นก่อนที่จะลดลงในภายหลัง
หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานล่าสุดของสหรัฐฯ ความสนใจของนักลงทุนจะเปลี่ยนไปที่รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ประจำเดือนพฤษภาคมในวันนี้ โดยคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง สูงกว่าเดือนเมษายนที่ 175,000 ตำแหน่ง คาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 3.9% และค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยจะทรงตัวที่ 3.9%
ตลาดทองคำมีแรงผลักดัน หลังการเปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานที่แย่กว่าคาด
กระทรวงแรงงาน (BLS) ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ครั้งแรกเพิ่มขึ้นเป็น 229,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 มิถุนายน หลังมีการปรับตามฤดูกาล ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ตัวเลขเพียง 220,000 ราย ขณะที่ตัวเลขสัปดาห์ก่อนหน้าถูกปรับเพิ่มขึ้น 2,000 ราย เป็น 221,000 ราย
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงจำนวนผู้ที่กำลังได้รับสวัสดิการอยู่แล้ว อยู่ที่ 1.792 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 พฤษภาคม เทียบกับที่ตลาดคาดไว้ที่ 1.790 ล้านราย และระดับ 1.790 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้าที่ถูกปรับใหม่
ตลาดกำลังจับตาดูตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ตลาดแรงงานที่ตึงตัวจะทำให้ค่าจ้างเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในวงกว้าง
ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบาย
ECB กลายเป็นประเทศ G7 ลำดับที่สองที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ควรคาดหวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงินใหม่ ซึ่งอาจไม่ช่วยหนุนราคาทองคำเพิ่มเติม
หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกนับตั้งแต่ที่อัตราดอกเบี้ยขึ้นแตะจุดสูงสุดเมื่อเดือนกันยายน Christine Lagarde ประธาน ECB ระบุอย่างชัดเจนว่าธนาคารกลางยังคงให้ความสำคัญกับการนำอัตราเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมายที่ 2%
Lagarde กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ ECB คาดว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะยังคงผ่อนคลายลง แต่คณะกรรมการจำเป็นต้องดูข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
เงินเฟ้อที่ดื้อรั้นของยุโรปยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่เศรษฐกิจของภูมิภาคชะลอตัวลง การคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 0.9% ในปีนี้, 1.4% ในปี 2025 และ 1.6% ในปี 2026
แม้ว่า ECB จะลังเลที่จะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ แต่ Lagarde ยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับที่เข้มงวดและสูงกว่าระดับปกติ อย่างไรก็ตาม เธอย้ำว่าคณะกรรมการจะไม่ผูกมัดกับการตัดสินใจล่วงหน้า
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงินใหม่ในเดือนกันยายน
ความคาดหวังของตลาดที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงินใหม่ในเดือนกันยายนเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังและตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลง
นักวิเคราะห์จาก Metals Focus บริษัทวิจัยโลหะมีค่าในสหราชอาณาจักร ระบุถึงปัจจัยหลายประการที่หนุนการทะยานขึ้นของราคาทองคำในปีนี้แม้ว่าเฟดจะลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งได้แก่ ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ภาวะการคลังทั่วโลกที่ย่ำแย่ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอลง ซึ่งช่วยหนุนราคาทองคำให้สามารถฝ่าแรงต้านที่เกิดจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าและผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นได้
Neil Meader ผู้อำนวยการฝ่ายทองคำและเงินของ Metals Focus กล่าวว่า ไม่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หรือปีหน้า สิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องยากที่จะเห็นความขัดแย้งในตะวันออกกลางและยูเครนยุติลงในเร็วๆ นี้ และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็ยังคงอยู่ในระดับสูง ในท้ายที่สุด เมื่อตลาดกายภาพคุ้นชินกับราคาที่สูงขึ้น ปัจจัยพื้นฐานของทองคำก็ควรจะดีขึ้น
นักลงทุนตะวันตกอาจกำลังวางสถานะผิดข้างในตลาดทองคำ
หากพิจารณาจากประวัติศาสตร์ นักลงทุนตะวันตกกำลังสถานะผิดข้างในการซื้อขายทองคำอีกครั้ง ในขณะที่ทองคำยังคงไหลไปทางตะวันออก ตามรายงานจากบริษัทลงทุนแห่งหนึ่ง
ในจดหมายการลงทุนไตรมาสแรกของผู้จัดการกองทุน Leigh Goehring และ Adam Rozencwajg ระบุว่า นักลงทุนตะวันตกสูญเสียอิทธิพลในตลาดทองคำ เนื่องจากยังคงเทขายทองคำที่ถืออยู่ในไตรมาสแรกของปี แม้ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
นักวิเคราะห์ระบุว่า กองทุน ETF ที่มีการถือครองทองคำจริงจำนวน 18 กองทุน มีการไหลออกของเงินลงทุน 108 ตันในไตรมาสแรก และอีก 50 ตันถูกเทขายในช่วงหกสัปดาห์หลังวันที่ 1 เมษายน
นักวิเคราะห์กล่าวในรายงานว่า นักลงทุนตะวันตกยังคงขายทองคำของตน ในขณะที่ธนาคารกลางและนักลงทุนรายย่อยจากจีนและอินเดียยังคงซื้ออย่างต่อเนื่อง ด้วยทองคำที่ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เห็นได้ชัดว่าใครกำลังชนะ
นักลงทุนเอเชียกำลังได้รับความช่วยเหลือในการดึงทองคำจากนักลงทุนตะวันตก โดยธนาคารกลางของประเทศตลาดเกิดใหม่ นำโดยจีน ยังคงซื้อทองคำในอัตราที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ผู้จัดการกองทุนระบุว่า อินเดียซื้อทองคำ 17 ตันในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเท่ากับที่ซื้อตลอดทั้งปี 2023
Goehring & Rozencwajg ย้ำมุมมองของพวกเขาว่า ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของโลก นักวิเคราะห์ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทางการเงิน
Goehring & Rozencwajg ระบุปิดท้ายว่าว่า ทั้งทองคำและเงินกำลังอยู่ในช่วงตลาดกระทิง (bull market) ครั้งสำคัญ และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นไปอยู่ในระดับราคาที่สูงขึ้นอย่างมาก
“เมื่อธนาคารกลางยังคงซื้อ และนักลงทุนตะวันตกถอยออก เวทีก็พร้อมแล้วสำหรับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง”
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง แนวโน้มโดยรวมของราคากลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง โดยราคาสามารถยืนเหนือเส้น EMA ทั้งสามเส้นอย่างต่อเนื่อง ชี้ให้เห็นว่าแรงซื้อกลับมามีมากขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ระดับ $2,375 ยังคงเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง หากสามารถผ่านไปได้ ราคาจึงจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ
จากอินดิเคเตอร์ RSI ยังคงไม่เข้าสู่โซน Overbought ทำให้มีโอกาสสานต่อแนวโน้มขาขึ้นได้อีกซักพัก ส่วน Stoch RSI ถือแม้จะในโซน Overbought แต่ยังไม่มีสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจน
แนวรับแรกในวันนี้จะอยู่ที่ $2,360 - $2,350 ตรงกับเส้น EMA 12 และ EMA 26 หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้ จะมีโอกาสดีดกลับตัวขึ้นมาทดสอบแนวต้านอีกครั้ง ส่วนแนวรับถัดไปอยู่ที่ $2,335 และ $2,325
สำหรับแนวต้านสำคัญนั้น อยู่ที่ $2,375 ดังที่กล่าวไปแล้ว ถัดไปคือโซน $2,400 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาที่สำคัญ หากผ่านโซนนี้ไปได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อการปรับตัวขึ้นในระยะถัดไป
สรุปแนวโน้มในวันนี้ คาดว่าราคามีโอกาสที่จะย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับ $2,360 ก่อน หากไม่หลุดจะกลับมาแกว่งตัวผันผวนในกรอบ $2,360-2,375 แต่ถ้าหากหลุดลงมา ให้ระวังการร่วงลงไปที่แนวรับถัดไป ในทางกลับกัน หากยืนเหนือ $2,375 ได้ จะสามารถไต่ระดับขึ้นไปได้ต่อเนื่อง ให้ตามดูที่เป้าหมายแนวต้านโซน $2,380-2,400
แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,360 - $2,350 / $2,335
แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,375 - $2,400
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน