วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 9 ส.ค. 2567

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้งแม้ว่าจะมีข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งออกมาสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์ก็ตาม โดยในเช้าวันสุดท้ายของการซื้อขายสัปดาห์นี้ ราคาทองคำอยู่ที่ $2,421 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก
ข้อมูลเศรษฐกิจจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (US Bureau of Labor Statistics) รายงานตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง โดยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้รับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Claims) กลับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 0.10% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ทะลุระดับ 4%
นักวิเคราะห์มองว่า ทองคำยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุนท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากความเคลื่อนไหวล่าสุดในตะวันออกกลาง แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนโดยรวมจะยังคงเป็นบวก แต่ความกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้จากอิหร่านและเลบานอนต่ออิสราเอลยังคงมีอยู่
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัว กระทบต่อนโยบายการเงิน
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น โดยจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 17,000 ราย มาอยู่ที่ 233,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 สิงหาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 240,000 ราย อย่างไรก็ตาม ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 4 สัปดาห์ของจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งมักถือเป็นตัวชี้วัดที่น่าเชื่อถือมากกว่าเนื่องจากช่วยลดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 240,750 ราย
ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นนี้อาจส่งผลต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในอนาคต โดยตลาดกำลังจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ในวันที่ 22-24 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาสำคัญก่อนการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในเดือนกันยายน ที่คาดว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก
ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกและสัญญาณทางเศรษฐกิจ
Mike McGlone นักกลยุทธ์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสของ Bloomberg Intelligence แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ในประเทศจีน เขาชี้ให้เห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 2.15% ซึ่งต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ 3.78% อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจจีน
นอกจากนี้ McGlone ยังเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันกับวิกฤตการเงินในปี 2008 โดยระบุว่าสถานการณ์ในปัจจุบันอาจรุนแรงกว่า เนื่องจากมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ เทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อยู่ที่ประมาณ 2 เท่าของระดับก่อนเกิดวิกฤต เทียบกับประมาณ 1.3 เท่าก่อนเกิดวิกฤตการเงินในปี 2008
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมก็สะท้อนความกังวลเหล่านี้เช่นกัน ราคาน้ำมันดิบมีความผันผวนสูง โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงต่ำกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ทั่วโลกเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในเศรษฐกิจหลักอย่างจีนและเยอรมนี ดัชนี Bloomberg Commodity Index ก็แสดงการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านการลดลงของราคา (Deflation) ในสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภท
กลยุทธ์การลงทุนและมุมมองในอนาคตจะเป็นอย่าไงร
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ผันผวนนี้ McGlone เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับกลยุทธ์การลงทุนไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ (Risk-off Assets) โดยแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและเพิ่มน้ำหนักในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาว
สำหรับทองคำ McGlone คาดการณ์ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะแตะระดับ $3,000 ในอนาคต โดยอธิบายว่าผลการดำเนินงานในอดีตของทองคำในช่วงที่เศรษฐกิจไม่มั่นคง ประกอบกับบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงจากการลดค่าของเงิน ทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งในอนาคต
ทางด้านพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นที่พึ่งที่ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาด แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายที่ขาดดุล แต่ McGlone เชื่อว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การลงทุนเชิงป้องกัน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำในเดือนสิงหาคม
รายงานประจำเดือนล่าสุดจาก World Gold Council (WGC) ระบุว่า แม้ปัจจัยตามฤดูกาลมักจะเป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำในเดือนสิงหาคม แต่ทองคำกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากหลายทิศทาง ทั้งจากการประชุมที่ Jackson Hole การเลือกตั้งในสหรัฐฯ และความผันผวนที่ต่อเนื่องในตลาดหุ้น
WGC ชี้ว่าตลาดกำลังคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างแน่นอนในการประชุมเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันนี้อาจนำไปสู่ความผิดหวังได้ หากภาษาที่สื่อออกมาของเฟดไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดหวัง ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงได้
นอกจากนี้ การเมืองในสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในเดือนนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ประธานาธิบดี Joe Biden ถอนตัวให้ Kamala Harris เป็นผู้สมัครตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งทำให้ผลสำรวจความนิยมลดลงอย่างมาก และบางการคาดการณ์เริ่มเอนเอียงไปทางชัยชนะของพรรคเดโมแครต
WGC มองว่าทองคำน่าจะได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอนมากกว่าแนวโน้มทางการเมืองใดๆ โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้ง ระดับหนี้สาธารณะและการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ จะยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ และอาจช่วยรักษาความสนใจในทองคำให้อยู่ในระดับสูง
ปัจจัยเสี่ยงสุดท้ายสำหรับราคาทองคำในเดือนนี้มาจากตลาดหุ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งได้รับแรงกดดันอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ผลประกอบการไตรมาส 2 ของ Nvidia บริษัทชั้นนำด้าน AI ซึ่งมีกำหนดประกาศในปลายเดือนสิงหาคม จะเป็นจุดสำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นโดยรวม
WGC สรุปว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะทำให้ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ในระดับสูง มากกว่าที่จะให้ข้อสรุปที่ชัดเจน การเริ่มต้นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่วนใหญ่อิงกับข้อมูลเศรษฐกิจที่กลับสู่ภาวะปกติ แม้ว่ารายงานการจ้างงานและข้อมูล ISM จะออกมาต่ำกว่าที่คาด แต่ข้อมูลอื่นๆ กลับออกมาค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้ยังไม่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจจะลงจอดแบบใด
การที่ตลาดกำลังคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งด้วยความแน่นอนเกือบ 100% นั้น มีความเสี่ยงทั้งต่อสินทรัพย์เสี่ยง พันธบัตร และทองคำ อย่างไรก็ตาม สำหรับทองคำ ความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นและความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่างๆ น่าจะทำให้ความสนใจจากนักลงทุนยังคงอยู่ในระดับสูง โดยจนถึงขณะนี้ ทองคำยังคงทำหน้าที่ในการปกป้องพอร์ตการลงทุนได้เป็นอย่างดี
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวหลังจากที่ปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ระดับ $2,423 ซึ่งเป็นระดับที่อยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสามเส้น บ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นที่อาจกลับมาอีกครั้ง
จากกราฟ 4 ชั่วโมง เราเห็นการฟอร์มตัวของแท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่ ซึ่งแสดงถึงแรงซื้อที่เข้ามาอย่างหนาแน่น ทำให้ราคาทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ $2,408 ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ราคายังคงต้องพิสูจน์ว่าจะรักษาระดับราคานี้ไว้ได้หรือไม่ถึงจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ
ทางด้าน RSI แม้จะปรับตัวขึ้น แต่ยังไม่ถึงโซน Overbought ซึ่งอาจทำให้ราคามีโอกาสขยับต่อไปทดสอบแนวต้านได้ แต่ในทางกลับกัน หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ $2,420 ได้ อาจเกิดการพักฐานลงมาทดสอบแนวรับที่ $2,408 อีกครั้ง ซึ่งเป็นระดับที่มีความสำคัญทางจิตวิทยาและเป็นจุดตัดของเส้น EMA 12 และ 26
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามองมีสามระดับด้วยกัน โดยเริ่มจากแนวรับแรกที่ $2,408 ซึ่งเป็นทั้งแนวรับและจุดตัดของเส้น EMA ถัดมาคือแนวรับรองที่ $2,392 ที่เป็นแนวเส้น EMA 200 และแนวรับสำคัญทางเทคนิคที่ $2,362
ส่วนแนวต้านสำคัญที่ต้องระวังมีสามระดับเช่นกัน เริ่มจากแนวต้านระยะสั้นที่ $2,436 ตามด้วยแนวต้านกลางที่ $2,452 และแนวต้านสำคัญที่ $2,469
โดยสรุป แนวโน้มราคาทองคำใน 24 ชั่วโมงข้างหน้ามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แต่อาจเผชิญกับแรงเทขายทำกำไรในระยะสั้น นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคาบริเวณ $2,420 อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังก่อตัว และเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น การซื้อขายในช่วงนี้ควรทำด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ เนื่องจากอาจเกิดการปรับฐานได้ตลอดเวลา
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,408
$2,392
$2,362
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,436
$2,452
$2,469
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน