วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 29 พ.ค. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สาม ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ฟื้นตัว จากความคิดเห็นที่เข้มงวดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลายคน และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลให้ความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายนลดลง อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อาจผลักดันให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมีความต้องการมากขึ้น อีกทั้งความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากธนาคารกลางจะยังคงสนับสนุนราคาทองคำต่อได้ในระยะใกล้
เฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับลดดอกเบี้ย กดดันทองคำ
นักลงทุนในตลาดทองคำจับตาดูรายงาน Beige Book ของเฟด และการกล่าวสุนทรพจน์ของ John Williams ประธานเฟดสาขานิวยอร์กในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางของเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ส่วนในวันศุกร์ ตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญจะเป็นจุดสนใจหลักของตลาด โดยคาดว่าจะขยายตัว 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน และ 2.8% เมื่อเทียบรายปีในเดือนเมษายน หากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย เฟดก็อาจเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไป ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำในระยะสั้น
ตลาดยังคาดเฟดคงดอกเบี้ยตลอดช่วงกลางปีนี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินเก็งกำไรที่ยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้นในเดือนพฤษภาคม จะลดความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลงบ้าง โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ดัชนี Consumer Confidence ของ Conference Board อยู่ที่ 102 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 96 และสูงกว่าระดับ 97.5 ในเดือนเมษายน ซึ่งถือเป็นการยุติการปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 เดือนของความเชื่อมั่นผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงกังวลต่อความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
แต่ในภาพรวมแล้วข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักต่อทิศทางของตลาดทองคำ เนื่องจากยังไม่ได้ทำให้การคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยตลาดยังคงมองว่ามีโอกาสราว 50% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนกันยายน ตามการชี้วัดของเครื่องมือ FedWatch ของ CME ในขณะเดียวกัน ก็มีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ของธนาคาร UBS ว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันไปตลอดช่วงกลางปีนี้ ซึ่งจะจำกัดแรงกดดันด้านลบต่อราคาทองคำในระยะสั้น
นักวิเคราะห์ UBS คาดทองคำทะยานแตะ $2,700 ใน 1 ปี
แม้ราคาทองคำจะเจอแรงต้านที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในโซน $2,400 แต่นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก UBS ก็ยังมองว่าราคาทองคำจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป โดยได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำขึ้นไปแตะ $2,500 ในเดือนกันยายน และ $2,600 ในช่วงสิ้นปีนี้ จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ $2,400 และ $2,500 ตามลำดับ นอกจากนี้ UBS ยังได้ออกมาให้มุมมองระยะกลางโดยคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะสามารถทะยานขึ้นไปแตะ $2,700 ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสอดคล้องกับที่ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ในตอนนี้
โดยปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำในอีก 1 ปีข้างหน้า ตามมุมมองของ UBS มาจากสามข้อสังเกตุ ข้อแรกคือ การคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสของการถือครองทองคำ และดึงดูดให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาด ETF ทองคำมากขึ้น ข้อสองคือ แนวโน้มการเข้าซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับปีก่อน นำโดยประเทศจีนที่เห็นสัญญาณความต้องการทองคำในประเทศที่ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และสุดท้าย คือความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ ทั้งจากสงครามในตะวันออกกลางและยูเครน ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯและนโยบายของจีนต่อไต้หวัน รวมไปถึงความเสี่ยงทางการเมืองในสหรัฐฯ จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ใกล้เข้ามา ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ โดย UBS ได้ออกมาแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเมื่อราคาอ่อนตัวลงในภาวะตลาดเช่นนี้
สัญญาณกราฟทองคำชี้นำการฟื้นตัว หนุนราคาขึ้นต่อ
จากราคาทองคำที่พยายามฟื้นตัวหลังจากที่อ่อนตัวลงในสัปดาห์ก่อนหน้า นักวิเคราะห์มองว่าจากกราฟราคารายวัน ทองคำเกิดแพทเทิร์นกลับตัวขึ้นที่เรียกว่า “Three River Morning Star” ซึ่งถือเป็นสัญญาณบอกถึงการเปลี่ยนผ่านทิศทางราคาที่ชัดเจนจากแดนลบเป็นบวก และด้วยความแข็งแกร่งของทองคำในระยะหลังนี้ ราคาจึงมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในระยะถัดไป
อีกทั้งความต้องการทองคำของจีนที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสแรกของปี 2024 ทั้งจากความต้องการเชิงกายภาพของผู้บริโภคในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะความต้องการทองรูปพรรณและเครื่องประดับ รวมไปถึงการสะสมทองคำแท่งเพิ่มเติมจากธนาคารกลางจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ซื้อทองรายใหญ่ที่สุดของโลกในช่วงที่ผ่านมา โดยการเข้าซื้อทองคำของจีนในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นปัจจัยสำคัญหลักที่ขับเคลื่อนให้ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะยังคงเป็นแรงหนุนเชิงบวกต่อราคาทองคำในระยะสั้นถึงกลาง
นอกจากนี้ปริมาณการซื้อขายทองคำของนักลงทุนและนักเก็งกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในยามที่ราคาทองคำมีการพักฐานหรือย่อตัวลงเล็กน้อย ก็ยิ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ราคาทองคำยืนอยู่ในระดับสูงได้ แม้จะมีความผันผวนปรับฐานลงบ้างเป็นระยะ ๆ
โดยสรุปแล้ว แม้ตลาดทองคำจะมีความผันผวนและเผชิญแรงขายทำกำไรในบางช่วง อันเนื่องมาจากความกังวลต่อทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลาง รวมถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ออกมาดีกว่าคาด แต่การคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ท่าทีของจีนที่มีแนวโน้มจะยังคงเป็นผู้ซื้อทองคำสุทธิต่อไป ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงสัญญาณทางเทคนิคที่ส่งสัญญาณถึงการกลับตัวขึ้นของราคา ล้วนเป็นปัจจัยที่จะช่วยหนุนให้แนวโน้มราคาทองคำสดใสในระยะข้างหน้า
ดังนั้นแนวโน้มราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้จึงมีโอกาสสูงที่จะดีดตัวขึ้นต่อจนไปทดสอบระดับ $2,500 ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และมีความเป็นไปได้ที่จะไต่ระดับขึ้นไปอีกจนแตะ $2,600 ในช่วงสิ้นปี ก่อนที่จะมีโอกาสทะยานขึ้นไปแตะ $2,700 ในปี 2025 หากได้ปัจจัยหนุนพื้นฐานที่เอื้ออำนวยตามที่กล่าวมา
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคาทองคำกำลังอยู่ในช่วงของการพักฐานและสร้างฐานราคาใหม่ หลังจากมีการปรับตัวลงมาอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยราคากลับมายืนเหนือแนวรับสำคัญบริเวณ EMA 200 ได้อีกครั้งในระยะนี้ ก่อนจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงตลาดและผลักดันให้ราคาปรับตัวขึ้นได้
เส้นค่าเฉลี่ย EMA 12 และ EMA 26 กำลังพยายามกลับมาตัดกันอีกครั้งซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มหลักเริ่มมีสัญญาณของการกลับตัวจากขาลงมาเป็นทรงตัวหรือขาขึ้นได้หากมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนในเครื่องมือวัดโมเมนตัมอย่าง RSI ก็เริ่มมีการฟื้นตัวจากโซน Oversold ขึ้นมาได้ ขณะที่ Stoch RSI ก็วิ่งอยู่เหนือโซน 80 และเริ่มตัดกันอีกครั้ง ทำให้ต้องระวังแรงซื้อที่เริ่มชะลอลง
สำหรับแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามองมี 2 ระดับ คือ $2,360 และ $2,375 หากราคาสามารถผ่านขึ้นไปได้จะเป็นสัญญาณบวกมากขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ $2,400 ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาที่สำคัญ
ด้านแนวรับจะอยู่ที่ $2,340 , $2,335 และ $2,325 ซึ่งเป็นพื้นที่ EMA 200 และจุดต่ำสุดก่อนหน้านี้ หากราคาสามารถยืนเหนือโซนนี้ได้จะเป็นสัญญาณบวกต่อตลาด แต่ถ้าหลุดลงมาแนวรับสำคัญถัดไปจะอยู่ที่ $2,300
แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,340 / $2,335 / $2,325
แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,360 / $2,375 / $2,400
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน