วิธีดูกราฟราคาทองที่นักลงทุนทองคำต้องรู้ ฉบับมือใหม่ต้องอ่าน
การลงทุนในทองคำเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนหลายคน แต่การจะประสบความสำเร็จในตลาดนี้ จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่านและตีความกราฟราคาทอง ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาด
บทความนี้จะแนะนำวิธีดูกราฟราคาทองสำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มตลาด และระบุจังหวะการซื้อขายที่เหมาะสม
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
วิธีดูกราฟราคาทอง แบบ Real-time
การดูกราฟทองคำเป็นเครื่องมือสำคัญของนักลงทุนทุกคน ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้ดียิ่งขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรต้องรู้บ้าง
1. ชื่อสินทรัพย์ และช่วงเวลา
ทอง: ชื่อของสินทรัพย์
15 นาที: ช่วงเวลาของแท่งเทียนแต่ละแท่ง (ในกราฟนี้คือ 15 นาที)
2. เครื่องมือการวิเคราะห์
ปุ่มรูปแบบกราฟ: ใช้สำหรับเปลี่ยนกราฟเป็นรุปแบบต่างๆ เช่น Candlesticks หรือ Line
ปุ่ม อินดิเคเตอร์: ใช้เพิ่มตัวชี้วัดทางเทคนิคต่างๆ
และแถบด้านข้างเช่น เส้นแนวโน้ม พู่กัน เป็นต้น
3. ข้อมูลราคาปัจจุบัน
ราคาเปิด (Open)
ราคาสูงสุด (High)
ราคาต่ำสุด (Low)
ราคาปิดล่าสุด (Close)
4. แกนราคา (แนวตั้ง)
แสดงระดับราคาของทองคำในหน่วยดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ในภาพนี้ ราคาอยู่ในช่วงประมาณ 2,634 ถึง 2,670 ดอลลาร์
5. แกนเวลา (แนวนอน)
แสดงช่วงเวลาของกราฟ จากซ้ายไปขวา
ในภาพนี้ แสดงตั้งแต่ 14 ถึง 15 เดือนตุลาคม
6. แท่งเทียน (Candlesticks)
แท่งสีเขียว: ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด (ราคาขึ้น)
แท่งสีแดง: ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด (ราคาลง)
ส่วนบนและล่างของเส้น (wick): แสดงราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลานั้น
7. แนวโน้มของราคา
จากภาพ เห็นได้ว่าราคาทองมีแนวโน้มขาลงในระยะสั้น ในช่วงวันที่ 15
8. ตัวเลือกช่วงเวลา
1m, 5m, 15m, 30m, 1h, 2h, 4h, D, W, Ml: ใช้เปลี่ยนระยะเวลาที่แสดงในกราฟ
กราฟแท่งเทียนมีลักษณะอย่างไร ?
ราคาเปิด (Open Price) : หมายถึงราคาซื้อขายแรกที่เกิดขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดของวันนั้น
ราคาสูงสุด (High Price) : หมายถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองที่ขึ้นไปสูงสุดของวันนั้น
ราคาต่ำสุด (Low Price) : หมายถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองที่ลงไปต่ำสุดของวันนั้น
ราคาปิด (Close Price) : หมายถึงราคาสุดท้ายที่เกิดขึ้นจากการสิ้นสุดการซื้อขายสิ้นสุดของวันนั้น
Doji เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่บอกถึงความลังเลในตลาด
แนวโน้ม: จะตีความหมายได้ว่าแรงขายที่มีมากในวันแรกริ่มอ่อนตัวลง มีแรงซื้อเข้ามาในวันที่สองทำให้ราคาเกิดความสมดุลใหม่และอาจเปลี่ยนทิศ
โดยรูปแบบ Doji หลัก ๆ แล้วมี 3 รูปแบบ ได้แก่
1.Long legged Doji
รูปร่างคล้ายเครื่องหมายบวก มีจุดเปิดและจุดปิดอยู่ตรงกลาง ไส้เทียนยาวออกไปทั้งด้านบนและด้านล่าง เป็นตัวที่บ่งบอกถึงการสู้กันระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย แต่สุดท้ายไม่มีผู้ชนะ ทำให้ราคาทองปิดกลับมาที่จุดเปิด
2.Gravestone Doji
มีรูปร่างคล้ายป้ายหลุมศพ มีจุดเปิดและปิดต่ำ ไส้เทียนยาวขึ้นไปทางด้านบน บ่งบอกว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นมากเกินไป จึงมีการขายจำนวนมาก ทำให้ราคาเปิดหรือต่ำกว่าในตอนแรก บ่งบอกถึงสัญญาณจุดกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง
3.Dragonfly Doji
รูปร่างคล้ายแมลงปอ มีจุดเปิดและจุดปิดสูง ไส้เทียนยาวลงไปด้านล่าง บ่งบอกว่าราคาทองคำปรับทิศทางต่ำลงมากเกินไปแล้วจึงมีการซื้อจำนวนมาก ทำให้ราคาปิดกลับมาที่จุดเปิด
Hammer รูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นในสภาวะตลาดขาลง
แนวโน้ม: การเกิด Hammer บ่งบอกถึงแรงขายในช่วงแรกแต่มีการซื้อกลับเข้ามาอย่างมากระหว่างวันทำให้แนวโน้มมีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้น ส่วนจะมากเกิดใกล้จุดต่ำสุดของตลาดขาลง โดยราคามีการปรับตัวลดลง เนื่องจากแรงขายอ่อนแรงลงและมีแรงซื้อกลับมาค่อนข้างมาก แรงซื้อจึงดันให้ราคาทองคำปิดในราคาจุดสูงสุดหรือสูงขึ้นได้ จึงทำให้ตัวแท่งเทียนสั้น และไส้เทียนล่างยาวมีรูปร่างเหมือนค้อน
Inverted Hammer รูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นในสภาวะตลาดขาลง
แนวโน้ม: ไส้เทียนด้านบนยาว บ่งบอกถึงการเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาถึงการเข้าสู่ตลาดขาขึ้น ส่วนมากเกิดใกล้จุดต่ำสุดของตลาดขาลง เกิดจากแรงซื้อที่มากทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นและเมื่อถึงจุดหนึ่งจะมีการขายจำนวนมาก ทำให้ราคาปิดกลับมาอยู่ใกล้ราคาเปิด ส่งผลให้ไส้เทียนยาวขึ้นไปด้านบน
หมายเหตุ: การดูกราฟแท่งเทียนแบบค้อน (Hammer) ควรดูแท่งเทียนต่อไปหลาย ๆ แท่งด้วย เพื่อดูแนวโน้มราคาทองคำว่าจะมีโอกาสกลับตัวขึ้นหรือไม่ ถ้าหากแท่งเทียนต่อไปเป็นแท่งสีเขียว จะถือว่ามีแนวโน้มที่ราคาทองคำสูงขึ้น
Hanging Man รูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นใกล้จังหวะสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้น
แนวโน้ม: เกิดจากแรงขายที่เข้ามามากกว่าปกติ และฝั่งซื้อเริ่มหมดแรง บ่งบอกถึงโอกาสกลับตัวเป็นขาลง แท่งเทียนจะปรากฏหลังจากมีแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากแรงซื้ออ่อนแรงลงและมีแรงขายกลับมาค่อนข้างมาก แรงขายจึงดันให้ราคาทองคำปิดในราคาจุดต่ำสุดหรือหรือต่ำลงกว่าเดิมได้ และราคาก็มักจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
Bullish Engulfing & Bearish Engulfing
Bullish Engulfing รูปแบบการกลับตัวมักเกิดขึ้นในตลาดสภาวะขาลง
แนวโน้ม: เกิดจากราคาของวันที่สอง แม้จะเปิดต่ำมาก แต่สามารถกลับแต่จะกลับมาปิดได้สูงในเวลาถัดมาที่บ่งบอกถึงราคาทองคำมีแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น หรือสามารถเอาชนะขาลงได้
Bearish Engulfing รูปแบบการกลับตัวมักเกิดขึ้นในตลาดสภาวะขาขึ้น
แนวโน้ม: มีการเปิดตัวสูงแต่ปิดตัวต่ำของแท่งที่สองบ่งบอกถึงแรงซื้อที่ไม่มากพอ และแรงขายที่เข้ามาควบคุมเกมส์ให้ระวังราคาทองคำมีแนวโน้มเปลี่ยนเป็นขาลง
วิธีการใช้กราฟแท่งเทียนเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ
เมื่อรู้ลักษณะของกราฟแท่งเทียนกันไปแล้วเรามีประโยชน์ของการอ่านกราฟทองด้วยกราฟแท่งเทียนมาฝากนักลงทุนกันด้วย
วิธีการอ่านกราฟทองด้วยกราฟแท่งเทียนนั้นมีประโยชน์มาก สำหรับผู้ที่ต้องการเทรดทองคำขั้นต้น เพราะกราฟแท่งเทียนนั้นมีรูปแบบที่อ่านง่าย ดูง่าย ไม่ซับซ้อน มือใหม่ก็อ่านกราฟแท่งเทียนได้ง่าย ๆ ทำให้เป็นกราฟรูปแบบแรก ๆ ที่มือใหม่เพิ่งเริ่มต้นเทรดควรฝึกอ่านให้เป็น เพราะนอกจากจะใช้อ่านกราฟทองคำได้แล้ว ยังใช้อ่านกราฟ Forex ได้ด้วย
ที่มา: finnomena
รูปร่างของแท่งเทียน 1 แท่ง โดยเปรียบเทียบราคาปิดของวันว่าฝั่งแรงซื้อหรือฝั่งแรงขายเป็นฝ่ายชนะ
ความยาวของแท่งเทียน โดยแท่งเทียนที่มีความยาวจะบอกว่าแรงซื้อหรือแรงขายมีความรีบร้อนในการซื้อขายจึงทำให้ราคามีความผันผวน แท่งเทียนสั้นๆ แสดงถึงความเอื่อยเฉื่อยขาดความกระตือรือร้น
ปริมาณการซื้อขายที่มากของแท่งเทียนจะเป็นตัวเสริมความมั่นใจในการแปลความหมายแท่งเทียนนั้น ๆ เนื่องจากมีคนสนใจและเข้ามามีส่วนร่วมซื้อขายเป็นจำนวนมาก ถ้าปริมาณการซื้อขายน้อยให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าอารมณ์หรือทิศทางของราคานั้น ๆ
การเปรียบเทียบระหว่างแท่งเทียน โดยเปรียบเทียบแท่งเทียนในปัจจุบันกับแท่งเทียนก่อนหน้า เช่น แท่งเทียนส่วนใหญ่มีอารมณ์ไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่
ราคาต่ำสุดในแต่ละแท่งเทียนยกตัวขึ้นในช่วงหุ้นขาขึ้นหรือไม่ ราคาสูงในแต่ละแท่งเทียนลดต่ำลงในช่วงหุ้นขาลงหรือไม่ เพื่อยืนยันว่าแนวโน้มทิศทางของราคาหุ้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
กลุ่มของแท่งเทียนมีการทับซ้อนกันของแท่งเทียนมากหรือน้อย เพื่อดูว่าแรงซื้อและแรงขายมีความรีบร้อนในการซื้อหรือขายหุ้นหรือไม่
รูปแสดงตัวอย่างกลุ่มของแท่งเทียนที่มีการทับซ้อนกันมาก และกลุ่มของแท่งเทียนที่มีการทับซ้อนกันน้อย
รูปที่แสดงตัวอย่างกลุ่มของแท่งเทียนที่มีการทับซ้อนกันมาก และกลุ่มของแท่งเทียนที่มีการทับซ้อนกันน้อยในช่วงหุ้นขาขึ้น
รูปแสดงตัวอย่างกลุ่มของแท่งเทียนที่มีการทับซ้อนกันน้อยในช่วงหุ้นขาลง
และถ้าเราพบว่ามีแท่งเทียนแท่งใหม่ที่มีอารมณ์ของแรงซื้อแรงขายที่ตรงข้ามกับทิศทางของแท่งเทียนจำนวนหลายๆ แท่งก่อนหน้า จะเป็นจุดที่ราคามีการกลับตัว จึงควรให้ติดตามการซื้อขายหุ้นตัวนั้นอย่างใกล้ชิดเพื่อหาจังหวะในการซื้อขาย
ลองเปลี่ยน Time Frame ให้สั้นลงเพื่อให้เห็นรายละเอียดการเคลื่อนที่ของราคาที่เพิ่มมากขึ้น
ราคาทองขึ้น – ลงเกิดจากปัจจัยอะไรบ้าง ?
นักลงทุนหลายคนคงเกิดความสงสัยว่า ราคาทองขึ้น-ลง ทุกวันนี้เกิดจากอะไรบ้าง ไม่เพียงแต่เป็นเพราะเศรษฐกิจโลกเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกเยอะเลยขึ้นอยู่ว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหนบ้าง ไปดูกันเลย
1.ความต้องการ (อุปสงค์ และ อุปทาน)
อุปสงค์ (Demand) = ความต้องการซื้อ อุปทาน (Supply) = ความต้องการขาย หรือ การเสนอขาย |
ดังนั้น ถ้ามีคนต้องการซื้อทองเยอะ ราคาทองคำ ก็จะสูงขึ้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่ค่อยมีคนซื้อ แต่อยากให้มีคนซื้อทองคำราคาทองคำ ก็จะต่ำลง
ตัวอย่างเช่น
ในช่วงปี 2023 ถึงต้นปี 2024 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงหลังจากการปรับขึ้นหลายครั้งในปีก่อนหน้า และส่งสัญญาณว่าอาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 หากเงินเฟ้อลดลงตามเป้าหมาย สถานการณ์นี้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ปรับตัวลดลง ปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศไทยปรับตัวขึ้นตามไปด้วย
2.นโยบายการเงินของรัฐและอัตราดอกเบี้ย
ในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจ และราคาทองคำมีความซับซ้อนมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยสูงไม่ได้สะท้อนถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเสมอไป เนื่องจากธนาคารกลางใช้นโยบายนี้เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้เศรษฐกิจอาจชะลอตัว
ในช่วงตลาดผันผวน ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนสนใจ แต่อัตราดอกเบี้ยสูงอาจทำให้สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น พันธบัตร น่าสนใจมากขึ้น
โดยทั่วไป เงินเฟ้อสูงมักส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อต่ำหรือเงินฝืดอาจทำให้ราคาทองลดลง
3.ราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าแทบทุกชนิดและเป็นตัวทำให้เกิดสภาวะอัตราเงินเฟ้อ โดยอัตราเงินเฟ้อกับราคาทองคำนั้นเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับราคาทองคำ ช่วงไหนน้ำมันแพงมาก ๆ อัตราเงินเฟ้อก็มีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ในทางตรงกันข้ามช่วงไหนราคาน้ำมันถูก เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ราคาทองคำก็มักถูกลงตาม
4.สกุลเงินดอลลาร์
เมื่อสกุลเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อไหร่ ทองคำก็มีแนวโน้มราคาสูงขึ้น เช่น เงินยูโร เงินเยน หรือพิจารณาจาก US Dollar Index ก็ได้เช่นกัน ราคาทองคำโลกจะสูงขึ้น เพราะคนมองว่าทองคำดูกลายเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับการสะสมมูลค่ามากกว่า ไม่ด้อยค่าลดลงอย่างสกุลเงินดอลลาร์ แต่ในทางกลับกัน หากค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวขึ้น จะส่งผลราคาทองคำปรับตัวลดลง และนักลงทุนทองคำจะหันมาลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์แทน
5.ฤดูกาล ทองคำจะปรับตัวขึ้น
ช่วงตามฤดูกาล มักจะมีความต้องการซื้อทองคำเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นตามเหตุปัจจัยอุปสงค์อุปทาน โดยเฉพาะเทศกาลใหญ่ๆ ของ 2 ประเทศ คือ
1. เทศกาลตรุษจีน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม
2. เทศกาลติวาลีของอินเดียในช่วงไตรมาส 4
6.ความเสี่ยงทางด้านการเมือง
ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ในช่วงที่เกิดวิกฤตหรือความตึงเครียดระหว่างประเทศ ราคาทองคำมักมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
สรุปการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ปี 2566-2567
ในตารางด้านล่างต่อไปนี้เป็นการสรุปข้อมูลราคาทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เริ่มตั้งแต่ปี 2566 ถึงปีปัจจุบัน 2567 โดยเป็นการแสดงราคาต่ำสุด ราคาสูงสุดของทุก ๆ เดือน รวมถึงราคารวมที่ปรับขึ้นหรือลดลงในแต่ละเดือน และสรุปราคารวม สูงสุด ต่ำสุด ประจำปี
เปรียบเทียบราคาทองตั้งแต่ปี 2566-2567
3 ขั้นตอนเริ่มต้นเทรดทอง
1. เลือกโบรกเกอร์ให้ดีเหมาะกับไลฟ์สไตล์ ปัจจุบันมีการให้บริการเทรดทองคำหลายแพลตฟอร์มมากมาย ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีบัญชีเทรดหลากหลายประเภท ที่มีแพลตฟอร์มเทรด Forex และ CFD ที่คุณรู้สึกว่าใช้งานได้ง่ายและตรงกับความต้องการ
2. เลือกเวลาเทรดที่เหมาะสม หาเวลาที่ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความต้องการของทองคำเวลาหนึ่ง ตรวจสอบจากปัจจัยที่ส่งผลต่อความต้องการทองคำโลก เช่น การศึกษาข้อมูลลทางเศรษฐกิจ และการศึกษาราคาทองคำเป็นช่วงๆ
3. เลือกใช้กลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม กลยุทธ์การเทรดจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์กราฟราคาทองคําเพื่อหาว่าตลาดจะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางใด โดยนักลงทุนควรเริ่มจากทดสอบกลยุทธ์ในบัญชีทดลองก่อนการเปิดบัญชีซื้อขายจริงถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากอาจทำให้เราสูญเสียเงินได้โดยไม่ทันตั้งตัว
สรุปทั้งหมด
จากที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงข้อควรรู้เริ่มต้นก่อนการเริ่มดูกราฟทองจากสัญญาณแท่งเทียน ที่จะบ่งบอกให้เรารู้ความเคลื่อนไหวของตลาดซึ่งจะต้องอาศัยความเข้าใจในบริบทอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก, ทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยการเพิ่มขึ้นลดลงของทองคำร่วมด้วย หรือการอ่านบทความตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ก็จะมีเทคนิคกลยุทธ์ของการดูกราฟทองคำให้เราได้อ่านและศึกษาขั้นตอนกัน
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน