การคาดการณ์ราคาทองแดง: คาดว่าจะทะยานขึ้นในปี 2566 หรือไม่?

เชื่อว่าหลายคนยังไม่ค่อยคุ้นชินกับคำว่า ทองแดง (Copper) เมื่อพูดถึงโลหะสำหรับการลงทุนก็จะนึกถึงทองคำ (Gold) กันอย่างเดียว วันนี้ในบทความเลยนำเนื้อหาเกี่ยวกับทองแดงมาให้หลายคนได้ทำความรู้จักกัน ว่าจริง ๆ แล้วการลงทุนเทรดทองแดงก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย ไปอ่านบทความและทำกำไรกับทองแดงกันได้เลย

ทองแดง หรือ Copper เป็นโลหะอุตสาหกรรมที่จำเป็นและมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ซึ่งมีการใช้เหล็กและทองแดงเป็นวัตถุดิบสูง ทองแดงที่เราเห็นกันบ่อย ๆ จะเป็นทางด้านการก่อสร้าง และคุณสมบัติของทองแดงจะถูกใช้นำไฟฟ้าในสายไฟและแผงวงจร ทองแดง (Copper) เป็นหนึ่งในโลหะมีค่าในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมของโลก ทำให้โลกการลงทุนจึงหันมาให้ความสนใจกับตลาดทองแดงมากขึ้น ยิ่งมีการลงทุนมากขึ้นเท่าไหร่ ความต้องการใช้ทองแดงย่อมมีมากขึ้นเท่านั้นยิ่งส่งผลต่อราคาทองแดงให้สูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

ต่อมาทองแดงถูกขุดขึ้นในเหมืองต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีประเทศชิลีและสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในการผลิตทองแดง ทำให้ความต้องการของทองแดงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ประเทศจีน อินเดีย และยังคงมีความต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ทองแดงเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่มีตามธรรมชาติและมีจำนวนจำกัด ทำให้เกิดแนวโน้มที่จะทำให้ราคาทองแดงมีความผันผวน 

การใช้ทองแดงในชีวิตประจำวัน

ทองแดงสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% ในปัจจุบันมีการใช้ทองแดงในเครื่องใช้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ท่อประปา สายไฟ ส่วนประกอบของรถยนต์ 

ในส่วนของโลหะผสมหรือโลหะอัลลอย (Alloy) ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกระบวนการผสมโลหะประเภทต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เช่น ทองแดง ทองเหลือง ซึ่งเป็นโลหะผสม 2 ชนิด ส่วนมากจะนำไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพของไมโครชิป และชิปก็จะใช้ทองแดงเพื่อช่วยในการถ่ายโอนสัญญาณไฟฟ้าและความร้อน นอกจากนี้ทองแดงยังมีความสามารถในการนำไฟฟ้าที่ดีที่สุดโดยไม่ทำให้เกิดความร้อนมากเกินไปด้วย ทองแดงจึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับใช้ในวงจรไฟฟ้า

•    ประโยชน์ของ ทองแดง

      1.สภาพคล่องสูง

ทองแดงมักมีการซื้อขายกันในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก ทำให้การเคลื่อนไหวของราคามักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดสำคัญของเศรษฐกิจโลก

      2.ความต้องการที่สม่ำเสมอ

ทองแดงถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตสิ่งของต่างๆในชีวิตประจำวัน เช่นสายไฟฟ้า ไมโครเวฟ และระบบทำความร้อนภายในบ้าน ทำให้ความต้องการทองแดงที่เพิ่มขึ้นนั้นบ่งบอกถึงกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง 

      3.มูลค่า

ทองแดงมีอยู่ในธรรมชาติในปริมาณที่มากกว่าทองคำ แร่เงิน และแพลตตินัม ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่ราคาจะถูกกว่ามาก อย่างไรก็ตามการขยายตัวทางอุตสาหกรรมของประเทศกำลังพัฒนาได้ผลักดันให้การผลิตทองแดงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ผลตอบแทนในแต่ละสินค้าโภคภัณฑ์จะแตกต่างกัน บางปีอาจจะติดลบ แต่บางปีก็อาจจะโตสูงถึง 20-30% ต่อปี และมีการคาดการณ์ว่าราคาทองแดงจะสูงขึ้นในปี 2566 นี้ เนื่องจากทองแดงเป็นสินค้าที่มีจำกัด อาจเกิดปัญหาขาดแคลนทองแดงไปจนถึงปี 2030 จนทำให้ราคาทองแดงอาจเกิดการพุ่งทยานเป็น 2 เท่า เป็นเหตุทำให้ทองแดงมีราคาที่สูงขึ้นก็เป็นได้

      4.การลงทุน

เราสามารถลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างเช่น ทองแดง, ทอง และดัชนีต่าง ๆ ผ่านสัญญาซื้อขายส่วนต่าง หรือ CFD จะเป็นการลงทุนเพื่อทำกำไรส่วนต่างของราคาสินค้าที่กำหนดโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นโดยตรง ยังสามารถเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง หมายความว่านักลงทุนจะมีโอกาสเทรดที่มากกว่า และสามารถซื้อตราสารได้หลากหลาย CFD จึงเป็นวิธียอดนิยมสำหรับนักเทรดที่ต้องการลงทุนโดยใช้เงินลงทุนไม่มาก ถือว่าเซฟความเสี่ยงตัวเองไปได้เยอะเลยค่ะ 

•      ข้อจำกัดในการจัดหา

ประเทศหลักในการผลิตเหมืองทองแดงทั่วโลกในปี 2565 (ใน 1,000 เมตริกตัน)

ที่มา: statista

ประเทศสำคัญในการผลิตทองแดงของโลกปี 2565 

      - ชิลี ผู้ผลิตทองแดงชั้นนำ ของโลกจนถึงปัจจุบัน ผลิตทองแดงได้ประมาณ 5.2 ล้านเมตริกตันในปี 2565 

      - รองลงมาคือเปรูและสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก โดยมีการผลิตทองแดงในเหมืองประมาณ 2.2 ล้านเมตริกตันในปีเดียวกัน 

      - ผู้ผลิตทองแดงจากเหมืองรายใหญ่อันดับสามของโลกคือจีน ในปี 2565 จีนผลิตทองแดงจากเหมืองได้ประมาณ 1.9 ล้านเมตริกตัน ซึ่งประมาณหนึ่งในสามของการผลิตของชิลี

นอกจากนี้ ชิลีซึ่งถือเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็น 27% ของอุปทานทั่วโลก ก็ผลิตทองแดงลดลง 7% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบจากปีก่อน และในส่วนของทางด้าน Goldman Sachs มีการระบุในบันทึกลงวันที่ 16 มกราคมว่า โดยรวมแล้วเชื่อว่าชิลีน่าจะผลิตทองแดงได้น้อยลงในช่วงปี 2023-2025

ต่อมา เปรู ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่อันดับสองของโลก เผชิญเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. จากเหตุความไม่สงบดังกล่าวยังส่งผลให้บริษัทเหมืองอีกรายอย่างเกลนคอร์ (Glencore) ประกาศระงับการดำเนินงานในเหมืองทองแดงอันตาปาเคย์ (Antapaccay) ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่กลุ่มผู้ประท้วงบุกเผาทำลายสถานที่เป็นครั้งที่ 3 ทำให้บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านพลังงานอย่าง Wood Mackenzie คาดว่าการขาดแคลนทองแดงจะยืดเยื้อไปถึงปี 2030 โดยมีสาเหตุหลักจากเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่องในเปรู และความต้องการทองแดงที่สูงขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงาน

บวกกับความต้องการทองแดงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ กับการเปิดประเทศอีกครั้งของจีน การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน ได้กระตุ้นความต้องการทองแดงอย่างมาก และทำให้ทรัพยากรทองแดงตกอยู่ในสถานการณ์ความตึงเครียดมากขึ้น 

Tina Teng นักวิเคราะห์ตลาดจาก CMC Markets กล่าวว่า การเปิดประเทศอีกครั้งของจีนมีผลกระทบอย่างมากต่อราคาทองแดง เนื่องจากจะช่วยปรับปรุงแนวโน้มอุปสงค์ และจะผลักดันราคาทองแดงให้สูงขึ้น ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนอุปทาน อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ซึ่งทำให้การขุดทำได้ยากขึ้นอีกด้วย

•       ความสัมพันธ์ทองแดงกับอัตราเงินเฟ้อ

ทองแดง ปัจจัยบ่งชี้สภาพเศรษฐกิจโลก โดยปกติแล้วโลหะพื้นฐานของทองแดงทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากต้นทุนสามารถส่งผ่านห่วงโซอุปทานไปยังราคาซื้อขายทันทีได้อย่างง่ายดาย แต่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ เช่นกัน แต่นักลงทุนก็จะมีการจัดการพอร์ตการลงทุนโดยกระจายความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ อย่างเช่น ลงทุนพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (Inflation Linked Bond) ลงทุนในหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) ประกอบด้วย

      - หุ้นอสังหาริมทรัพย์

      - หุ้นวัสดุก่อสร้าง

      - หุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์

      - หุ้นธนาคาร

      - หุ้นน้ำมัน-ปีโตรเคมี

      - หุ้นถ่านหิน-เหล็ก

      - หุ้นบรรจุภัณฑ์

      - หุ้นสินค้าเกษตร

ความสัมพันธ์ของทองแดงกับอัตราเงินเฟ้อ

ความสัมพันธ์ในเชิงบวกในอดีตของทองแดงกับอัตราเงินเฟ้อทำให้การป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อได้ จากรูปภาพด้านบน ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนเมษายน 2565 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2525

ทองแดงมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดกับอัตราเงินเฟ้อในรอบ 10 ปีตั้งแต่ปี 2544 ความสัมพันธ์ที่สูงสามารถดำเนินต่อไปในปี 2566 หากอัตราเงินเฟ้อยังคงมีอยู่

ในหลายปีที่ผ่านมา ทองแดงถือเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจโลก หลังจากประเทศจีนได้เปิดประเทศในวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ก็ทำให้เกิดโมเมนตัมเชิงบวกกับประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ หลังเปิดปีใหม่นี้มา เริ่มเห็นการขยับขึ้นของราคาทองแดงเชิงบวก

ย้อนกลับไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นโยบายโควิดรวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเคลื่อนไหวของผู้คนอย่างรุนแรง เหตุการณ์พวกนี้ยังบั่นทอนความต้องการของจีนสำหรับการนำเข้าสินค่าโภคภัณฑ์ จึงทำให้ราคาของทองแดงได้รับผลกระทบ โดยมีแนวโน้มความต้องการซื้อ (demand) จะอ่อนตัวลง ยิ่งไปกว่านั้นการประท้วงที่รุนแรงที่อาจเกิดขึ้นภายในประเทศกำลังส่งผลกระต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอีกด้วย

นอกเหนือจากแรงกดดันภายในประเทศของเศรษฐกิจแล้ว มาตรการภาครัฐที่ควบคุมการใช้พลังงานอย่างเข้มงวด ก็เพิ่มแรงกดดันต่อการใช้พลังงานในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และส่งผลให้บางอุตสาหกรรมต้องลดการผลิตลง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยกดดันการเติบโตของจีนในครึ่งปีหลัง โดยการลดระดับการใช้พลังงานเกิดจากสาเหตุหลัก 2 ประการได้แก่

      1.การบังคับใช้กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในการควบคุมการใช้พลังงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายควบคุมปริมาณการปล่อยคาร์บอนของประเทศภายในปี 2030

      2.ความพยายามที่จะลดการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับการใช้ถ่านหิน ส่งผลให้อุปทานของถ่านหินไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาพลังงานไฟฟ้าสูงขึ้น บริษัทจึงต้องลดการบริโภคพลังงานลง

เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดการชะลอตัวทั่วโลก จากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์โลหะเช่นกัน แต่ทั้งนี้ในตลาดส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจสัญญาณของอุปทานทองแดงโลกที่กำลังอยู่ในภาวะตึงตัว เนื่องจากแหล่งผลิตทองแดงอยู่ที่เหมืองหลักในชิลีและเปรูเป็นผู้ควบคุมการผลิต อย่างไรก็ดี ทองแดงเป็นโลหะที่สามารถนำมารีไซเคิลได้โดยแทบไม่เสียคุณภาพไป ทองแดงรีไซเคิลจากเศษทองแดงเก่า หรือ Secondary copper นั้นจึงมีแนวโน้มแหล่งอุปทานที่จะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต

ราคาน้ำมันมีอิทธิพลเชิงบวกมากที่สุดต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองแดงในตลาดโลก รองลงมาคือดัชนีดอลลาร์สหรัฐมีอิทธิพลเชิงลบต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองแดงในตลาดโลก 

โลหะพื้นฐานอย่าง ทองแดง มักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพที่สุดในช่วงเงินเฟ้อและยังมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ดีในขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว เช่น การใช้รถยนต์ไฟฟ้า และศักยภาพในการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสองปัจจัยบวกที่ทำให้ราคาทองแดง ขยับตัวสูงขึ้น 

มุมมองด้านบวกของราคาทองแดงเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจในเอเชียโดยเฉพาะที่จีนที่กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ หรือใกล้เคียงกับก่อนการระบาดใหญ่ ซึ่งถ้าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นก็อาจจะมีความต้องการทองแดงมากขึ้น เนื่องจากจีนเป็นแหล่งความต้องการของโลหะที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบหรือปรับลดภาษีในสหรัฐฯและตลาดที่พัฒนาแล้วอื่นๆ ยิ่งช่วยเร่งให้เกิดความต้องการมากยิ่งขึ้น

แต่ในทางกลับกัน ทองแดงมักถูกมองว่าเป็นปรอทวัดสุขภาพเศรษฐกิจโลก เมื่อการระบาดของ COVID-19 เข้าสู่จีนและแพร่กระจายไปทั่วโลกในเวลาต่อมา ราคาซื้อขายแบบทันที (spot price) ของทองแดงลดลงจาก 2.86 ดอลลาร์/ปอนด์ในช่วงเดือนมกราคม 2020 เหลือ 2.12 ดอลลาร์/ปอนด์ในช่วงเดือนมีนาคม หรือลดลงถึง 26% 

การเปิดประเทศอีกครั้งของจีน การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน ได้กระตุ้นความต้องการทองแดงอย่างมาก และทำให้ทรัพยากรทองแดงมีความตึงเครียดมากขึ้น

Tina Teng นักวิเคราะห์ตลาดจาก CMC Markets กล่าวว่า การเปิดประเทศอีกครั้งของจีนมีผลกระทบอย่างมากต่อราคาทองแดง เนื่องจากจะช่วยปรับปรุงแนวโน้มอุปสงค์ และจะผลักดันราคาทองแดงให้สูงขึ้น ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนอุปทาน อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ซึ่งทำให้การขุดทำได้ยากขึ้นด้วย

ดังนั้น Teng จึงคาดว่าปัญหาการขาดแคลนทองแดงอาจคงอยู่ต่อไปจนถึงปี 2024-2025 พร้อมมองว่าเมื่อถึงเวลานั้นราคาทองแดงอาจเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า

ขณะเดียวกัน ในส่วนของเศรษฐกิจโลกเรื่องความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย มีความไม่แน่นอนสูง แต่ในทางกลับกันหากการขยายตัวทางเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดความต้องการใช้โดยตรงที่มากขึ้นอาจเป็นการผลักดันให้ราคาทองแดงสูงขึ้นในปี 2566 ก็มีทางเป็นไปได้เช่นกันสำหรับไทยนั้น อุปสงค์ทองแดงหลัก ๆ จะมาจาก 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ ซึ่งรัฐบาลไทยนั้นได้มีมาตรการผลักดันอุตสาหกรรมรถ BEVs ซึ่งการผลิตรถ BEVs จะใช้ปริมาณทองแดงเพิ่มขึ้น 3.6 เท่าต่อคัน เมื่อเทียบกับการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน (ICEs) ในรูปของสายไฟและฟอยล์สำหรับแบตเตอรี่ ทำให้ความต้องการใช้ทองแดงของประเทศนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

กราฟแสดงราคาทองแดง วันนี้

การลงทุนทองแดงถือว่ายังเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับนักลงทุนไทย เนื่องจากไม่ค่อยมีผู้คนพูดถึงกันมากนัก แล้วถ้าเราอยากลงทุนเทรดในตลาดทองแดง ก็สามารถทำการเทรดได้ในการลงทุนเทรดทองแดงผ่านเครื่องมือทางการเงินที่เรียกว่า CFD 

โดยสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) เป็นตราสารอนุพันธ์ที่นักลงทุนสามารถจับจังหวะการทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยนักลงทุนไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นโดยตรง สามารถทำการซื้อขายได้ทันทีเพียงส่งคำสั่งซื้อขาย การเทรดทองแดงด้วยวิธี CFD ยังสามารถเทรดได้โดยการใช้เงินลงทุนไม่สูงเพื่อทำกำไรได้ มีค่าธรรมเนียมค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับตลาดแบบอื่น ๆ สามารถเทรดได้ทุกวันอีกด้วย

ตารางเปรียบเทียบ

หากนักลงทุนเริ่มสนใจจะลงทุนในหุ้นทองแดง ผู้เขียนขอแนะนำว่า ให้นักลงทุนทดลองฝึกฝนการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มของการลงทุนให้คล่องก่อน 

โดยฝึกฝนผ่านโบรกเกอร์ Mitrade อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพอีกด้วย ที่สามารถให้นักลงทุนมีบัญชีเทรดทดลอง>>ด้วยเงินเสมือนจริง 50,000 USD ฟรี!! เพื่อทำการฝึกฝนแบบไร้ความเสี่ยง การเปิดบัญชีกับ Mitrade นั้นสะดวกรวดเร็วมาก ๆ เพียงไม่เกิน 10 นาที ก็สามารถเข้าเทรดได้แล้ว

เทรดทองแดงกับ Mitrade!!

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี !

เทรดเดี้ยวนี้ >

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

3 อันดับหุ้นทองแดงที่น่าสนใจในระยะยาว 

หุ้นทองแดงต่อไปนี้ เราคัดมาเฉพาะรายชื่อหุ้นที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นบริษัทที่มั่นคงและดำเนินการมาอย่างยาวนาน โดยทั้งหมดเป็นหุ้นต่างประเทศที่ทำธุรกิจเหมืองทองแดงเป็นหลัก ทั้งนี้ โปรดตระหนักว่า บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การแนะนำการลงทุนแต่อย่างใด โปรดระมัดระวังและศึกษาอย่างรอบคอบ

1.Southern Copper（SCCO.US）: เป็นบริษัทเหมืองแร่ของเม็กซิโกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตทองแดงเป็นหลัก Southern Copper ผลิตทองแดงได้มากถึง 958,000 ตัน และมีการคาดการณ์กันว่า ภายในปี 2030 ตัวเลขที่ Southern Copper จะทำได้อาจไปถึงระดับ 1.7 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 80% ภายในระยะเวลาเพียง 7-8 ปีเท่านั้น มูลค่าตามราคาตลาดในปัจจุบันของ SCCO คือ 57.07B USD EPS TTM ของบริษัทคือ 3.41 USD, อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลคือ 4.74% และ P/E คือ 21.63 วันที่ของรายได้ Southern Copper Corporation ถัดไปคือ 1 พฤษภาคม ค่าประมาณคือ 0.91 USD

2.Freeport-McMoRan Inc（FCX.US）: เป็นบริษัทเหมืองแร่สัญชาติอเมริกันที่ตั้งอยู่ใน Freeport-McMoRan Center ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา บริษัทเป็นผู้ผลิตโมลิบดีนัมรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ และดำเนินการเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เหมือง Grasberg ในเมืองปาปัว ประเทศอินโดนีเซีย มูลค่าตามราคาตลาดในปัจจุบันของ FCX คือ 54.338B USD EPS TTM ของบริษัทคือ 2.39 USD, อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลคือ 1.56% และ P/E คือ 16.00 วันที่ของรายได้ Freeport-McMoRan, Inc ถัดไปคือ 27 เมษายน ค่าประมาณคือ 0.40 USD

3.BHP Group（BHP.US）: ถือว่าเป็นบรรษัทเหมืองแร่ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก มีข้อมูล ณ วันเดือนเมษายน 2022 ระบุว่า Market Cap ของหุ้น BHP Group นั้นใหญ่ประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แน่นอนว่า นี่คือบริษัทเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่าตามราคาตลาดในปัจจุบันของ BHP คือ 150.798B USD EPS TTM ของบริษัทคือ 7.85 USD, อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลคือ 8.84% และ P/E คือ 7.61 วันที่ของรายได้ BHP Group Limited ถัดไปคือ 21 สิงหาคม ค่าประมาณคือ 3.43 USD

จากปี 2565 เป็นปีที่สร้างความเสียหายและความยากลำบากของภาคธุรกิจในหลาย ๆ อุตสาหกรรม ทั้งการแพร่ระบาดของเชื่อไวรัส COVID-19 ที่ยืดเยื้อมานาน หรือแม้กระทั้งเหตุการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกระทบไปยังหลายภาคส่วน ซึ่งในแต่ละเหตุการณ์ล้วนเป็นปัจจัยส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาคอุตสาหกรรมทั้งนั้น รวมไปถึงราคาทองแดงที่ลดลงต่ำพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในปี 2565 การคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกคาดว่า โดย IMF หั่นการคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ สำหรับปี 2566 เหลือเพียง 1.6% เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ความต้องการซื้อทองแดงก็อาจลดลงด้วยเช่นกัน แต่ในมุมกลับกัน นี่ก็อาจถือเป็นจังหวะที่เราจะกลับมาจับตามองราคาทองแดงอีกครั้ง เนื่องจากอาจทำให้ราคาทองแดงปรับตัวลดลงจนเกิดโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ และในตารางด้านล่างนี้จะเป็นการคาดการณ์ราคาของทองแดงที่แต่ละธนาคารได้ทำการคาดการณ์กันเอาไว้

ทองแดง ถือเป็นอีกหนึ่งตัวบ่งชี้สุขภาพทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี โดยรวมแล้วนักวิเคราะห์จึงได้มีการคาดการณ์ว่าตลาด ทองแดง จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในปี 2566 ถึงแม้ว่าแนวโน้มทั่วโลกสถานการณ์ยังไม่ค่อยลงตัวเลยก็ตาม นอกจากนี้ยังเชื่อว่า หากการผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการสกัดโรคระบาดของจีนสามารถพัฒนาไปสู่การเปิดประตูเศรษฐกิจอีกครั้ง อาจหนุนให้จีนกักตุนสต็อกทองแดงอีกครั้งหนึ่งได้ในไม่ช้านี้ ก็คงต้องจับตารอดูกัน

อ้างอิง

stock2morrow